สินค้า simulator

กิจกรรม

การแข่งขัน

แนะนำอุปกรณ์

ทดลองอุปกรณ์

Categories
บทความทั่วไป

4 รายการแข่งรถ 2024 กำเงินให้แน่นแล้วรีบกดบัตรได้เลย

รายการแข่งรถ 2024

การแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตเป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่ได้รับความนิยม และเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน ซึ่งสำหรับบางคนเป็นเหมือนกิจกรรมที่ต้องเข้าร่วมชมในทุก ๆ ปี แต่บางคนก็เป็นเหมือนความฝันว่า จะได้เข้าชมการแข่งขันรายการโปรดสักครั้งในชีวิต วันนี้เราเลยได้รวบรวม 4 รายการแข่งรถ 2024 ที่คุณไม่ควรพลาดมาฝากแล้ว ซึ่งมีทั้งการแข่งขันในไทย, ต่างประเทศ และ ระดับโลก  

รวมรายการแข่งรถ 2024 ที่คุณไม่ควรพลาดตลอดปีหน้า

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่ชื่นชอบกีฬาแข่งรถ วันนี้เราได้รวบรวม รายการแข่งรถ 2024 ที่คุณไม่ควรพลาดมาฝากแล้ว และสำหรับ โปรแกรมแข่งรถ ของปี 2024 ที่จะถึงนี้จะจัดขึ้นตลอดทั้งปี ดังนั้นใครที่ชอบรายการแข่งรถไหน เตรียมตัวให้พร้อมแล้วรีบตีตั๋วได้เลย

การแข่งขัน F1 2024 เปิดฤดูกาลปลายเดือนกุมภาพันธ์

รายการแข่งรถ 2024

รายการแข่งรถ f1 เป็นหนึ่งในรายการแข่งรถระดับโลกที่นับว่าเป็นที่สุดของวงการมอเตอร์สปอร์ตเลยก็ว่าได้ ซึ่งสำหรับปี 2024 นี้จะมีการแข่งขันทั้งหมด 24 สนามด้วยกัน โดยจะเริ่มสนามแรกที่ Formula 1 Gulf Air Bahrain Grand Prix ประเทศบาห์เรน ระหว่างวันที่ 29 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2024

  • ฤดูกาล 2024 แข่งทั้งหมด 24 สนาม 21 ประเทศ
  • Formula 1 Singapore Airlines Singapore Grand Prix 2024 ประเทศสิงคโปร์ เป็นสนามที่ 18 แข่งขันระหว่างวันที่ 20 – 22 กันยายน 2024
  • ปีแรกที่ประเทศจีนร่วมเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน F1
  • อิตาลีเป็นเจ้าภาพเพิ่มอีก 1 ที่สนาม Autodromo Enzo e Dino Ferrari Imola เมืองอิโมลา 
  • กดซื้อตั๋วได้ที่นี้ https://tickets.formula1.com/en 
รายการแข่งรถ 2024

MotoGP 2024 ไทยเป็นเจ้าภาพสนามที่ 20 

MotoGP เป็นอีกหนึ่ง รายการแข่งรถในไทย ที่หลายคนต่างตั้งตารอกันทุก ๆ ปี เพราะถือว่าเป็นอีกหนึ่งรายการแข่งรถมอเตอร์ไซค์ทางเรียบระดับโลก ที่มีนักกีฬาชาวไทยอย่าง สมเกียรติ จันทรา ลงแข่งในรายการ Moto2 อีกด้วย ซึ่ง โปรแกรมแข่งรถ ของปี 2024 นี้ประเทศไทยเราเป็นเจ้าภาพในสนามที่ 20 

  • การแข่งขันสนามแรกที่ประเทศกาตาร์ ในวันที่ 8 – 10 มีนาคม 2024
  • ไทยเป็นเจ้าภาพสนามที่ 20 OR Thailand Grand Prix ระหว่างวันที่ 25 – 27 สิงหาคม 2024
  • จัดขึ้นที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
  • ซื้อตั๋วได้ที่ https://tickets.motogp.com/en/?utm_source=motogp.com&utm_medium 

GT World Challenge Asia 2024 มาเลเซียเป็นผู้เปิดฤดูกาล

GT World Challenge เป็นอีกหนึ่ง รายการแข่งรถยนต์ระดับโลก ที่จะมีการจัดการแข่งขันขึ้นทั้งยุโรป, อเมริกา, ออสเตรเลีย และเอเชีย ที่จะเป็นการนำรถแข่งแกรนด์ทัวเรอร์ที่ดัดแปลงจากรถที่ใช้งานจริงตามข้อกำหนด GT3 ของ FIA มาใช้ในการแข่งขันรายการนี้ เช่น Porsche 911 GT3 Rs หรือ Audi R8 LMS GT3 Evo II เป็นต้น

  • GT World Challenge Asia 2024 จัดการแข่งขันทั้งหมด 7 สนาม
  • สนามแรกจัดที่ Sepang International Circuit ประเทศมาเลเซีย วันที่ 19 – 24 เมษายน 2024
  • สนามที่ 2 สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศไทย วันที่ 10 – 12 พฤษภาคม 2024 
  • สนามที่ 3 – 6 ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยจะจัดที่สนาม Sportsland SUGO, Fuji International Speedway, Suzuka International Circuit และ Okayama International Circuit ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน – 25 สิงหาคม 2024 ตามลำดับ
  • ปิดฤดูกาลที่สนาม Shanghai International Circuit กรุงเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ในวันที่ 13 – 15 กันยายน 2024

24 Hours of Le Mans การแข่งรถที่ต้องอึดทั้งคนทั้งรถ

รายการแข่งรถยนต์ระดับโลก ที่แทบจะไม่มีใครไม่รู้จัก และนอกจาก รายการแข่งรถ f1 รายการ 24 Hours of Le Mans ก็เป็นอีกหนึ่งรายการแข่งที่ผู้เขียนชื่นชอบมาก ๆ เพราะมันเป็นการแข่งที่พิสูจน์ทั้งตัวนักแข่ง ทีม และตัวรถด้วย เพราะการแข่งขันจะยาวนานถึง 24 ชั่วโมง อีกทั้งคุณยังจะต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดทั้งการแข่งขันอีกด้วย

  • การแข่งรถระดับไฮเปอร์คาร์
  • การแข่งขันระหว่างวันที่ 12 – 16 มิถุนายน 2024
  • จัดการแข่งขันที่สนาม Circuit de la Sarthe ประเทศฝรั่งเศส
  • Alpine, BMW, Cadillac, Ferrari, Lamborghini, Peugeot, Porsche และ Toyota เข้าร่วมการแข่ง
  • ซื้อตั๋วได้ที่ https://www.24h-lemans.com/en/tickets 

รายการแข่งรถ 2024 รายการไหนบ้างที่ราคาไม่สูงเกินไป

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากชม รายการแข่งรถ 2024 แต่ยังรู้สึกว่า รายการแข่งรถยนต์ระดับโลก หรือ รายการแข่งรถ f1 นั้นมีราคาตั๋วที่สูงเกินไป แต่จริง ๆ แล้ว มีรายการแข่งหลายรายการด้วยกันที่มีราคาค่าตั๋วเริ่มต้นเพียงหลักร้อยเท่านั้น เช่น ราคาของบัตรเข้าชม GT World Challenge Asia ที่สนามช้าง ของปี 2023 ที่ผ่านมามีราคาเริ่มต้นเพียง 200 – 3,000 บาทเท่านั้น และถึงแม้ว่า โปรแกรมแข่งรถ รายการดังกล่าวของปีนี้ยังไม่ได้เปิดราคาตั๋วออกมา แต่เราคาดว่าน่าจะมีราคาอยู่ในเกณฑ์เดียวกันอย่างแน่นอน

อ่านบทความอื่น ๆ >> BMW XM รถยนต์ SUV พันธุ์ดุ คันใหญ่ ผสานสองขุมพลัง

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
บทความทั่วไป

พุ่งทะยานสู่ศักยภาพระดับสูงสุด บนเส้นทางของ สนามเลอมังส์

สนามเลอมังส์

นี่คือที่สุดของที่สุดของการแข่งขัน ดุเดือดทุกรอบความเร็ว ดุดันทุกการเข้าโค้ง และเป็นสนามแข่งที่รวมผู้คนชั้นแนวหน้าในวงการยานยนต์ไว้มากที่สุด ไม่ใช่แค่นักแข่งรถ แต่รวมถึงผู้ผลิตรถ ผลิตชิ้นส่วน และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ด้วย การมีส่วนร่วมใน สนามเลอมังส์ นับเป็นความใฝ่ฝันอย่างหนึ่งของนักแข่งรถทุกคน และการคว้าตำแหน่งเลอมังส์ แชมป์ ก็เท่ากับประสบความสำเร็จในระดับสูง และยังให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับทุกคนที่เกี่ยวข้องอีกด้วย 

รู้จักกับการแข่งขันระดับตำนานแห่ง สนามเลอมังส์

ฟังจากชื่อก็คงคาดเดากันได้ไม่ยากว่าการแข่งขันเลอมังส์ แชมป์ เริ่มต้นจากที่ไหน ในปี ค.ศ. 1923 ได้มีการจัดแข่งรถสุดทรหดขึ้นที่เมืองเลอมังส์ ประเทศฝรั่งเศส โดยมีความตั้งใจให้การแข่งขันนี้วัดศักยภาพของรถและคนขับอย่างเต็มที่ รูปแบบการแข่งขันจึงต่างจากสนามแข่งทั่วไป สนามเลอมังส์ เมืองเลอมังส์ ประเทศฝรั่งเศสถูกเลือกใช้เป็นสนามแข่งแรกของรายการนี้ มาดูกันว่าสนามระดับโลกนี้มีความพิเศษอะไรบ้าง

สนามเลอมังส์

สนามเลอมังส์มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี

สนามเลอมังส์ ได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อเป็นสนามแข่งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1906 และได้มีการปรับปรุงสนามเพื่อเปลี่ยนลักษณะเส้นทาง และระยะทางรวมรอบสนามอยู่หลายครั้ง ก่อนจะเกิดจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเมื่อจัดการแข่งขันเลอมังส์ แชมป์ ซึ่งรายการนี้เองที่สร้างชื่อให้กับสนามแข่งแห่งนี้

สนามเลอมังส์เป็นสนามแข่งขันแบบกึ่งถาวร

รู้หรือไม่ว่าสนามแข่งระดับโลกที่อยู่มายาวนานเป็น 100 ปีนี้เป็นสนามประเภทกึ่งถาวร เพราะมีบางส่วนของสนามเป็นถนนสาธารณะที่ผู้คนใช้สัญจรไปมาเป็นปกติ ทุกครั้งที่มีการแข่งขันในสนามเลอมังส์ จึงต้องจัดระเบียบช่วงระยะที่เป็นพื้นที่สาธารณะให้ดี เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับนักแข่งและไม่เป็นการรบกวนผู้คนในพื้นที่ด้วย

สนามเลอมังส์จัดการแข่งขันมาแล้วมากกว่า 1000 ครั้ง

นอกจากการแข่งขันเลอมังส์ แชมป์ อันโด่งดัง สนามนี้ยังมีการแข่งขันระดับโลกอีกหลายรายการ เช่น การแข่งขัน MotoGP การแข่งขัน WEC เป็นต้น ซึ่งแต่ละรายการก็จะมีการกำหนดเส้นทางวิ่งรถที่ต่างกันไป ไม่ใช่ทุกครั้งที่ต้องออกสู่ถนนสาธารณะ 

สนามเลอมังส์

เสน่ห์ของการแข่งขันระดับตำนาน เลอมังส์ 24 ชั่วโมง

หลังจากได้รู้กันไปแล้วว่าสนามเลอมังส์ ประเทศอะไร และ สนามเลอมังส์ อยู่ที่ไหน คราวนี้ลองมาสัมผัสกับความเร้าใจของการแข่งขันกันบ้าง อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นแล้วว่าเลอมัง คือ รายการแข่งขันที่จะรีดศักยภาพทั้งรถและคนขับออกมา เวลาในการแข่งขันจึงถูกกำหนดให้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง กับสภาพสนามแข่งที่ไม่ได้วัดแพ้ชนะกันแค่ความเร็ว

รูปแบบการแข่งขันที่สนามเลอมังส์

เลอมัง คือ การแข่งรถที่วิ่งต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง โดยมีคนขับทีมละ 3 คนสลับสับเปลี่ยนกัน นักแข่งจะต้องวิ่งทำความเร็วทั้งในสนามปิดแบบเซอร์กิต และวิ่งผ่านถนนสาธารณะด้านนอกด้วย ในเวลา 24 ชั่วโมงนี้จะต้องบริหารทั้งรถและคนให้ดี ไม่ใช่แค่เร่งความเร็วให้ครบรอบสนามเลอมังส์เท่านั้น น้ำมันเชื้อเพลิง ความทนทานของรถ ความพร้อมของร่างกายคนขับ ทุกส่วนสำคัญเท่ากันหมด

เลอมังส์ ไม่ใช่ว่าใครก็เข้าร่วมได้

พูดได้เต็มปากเลยว่านี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่น เลอมัง คือ การแข่งขันสุดโหดที่ทุกฝ่ายต้องทำงานร่วมกันอย่างหนัก หากต้องการคว้าแชมป์จะต้องวิ่งรักษาความเร็วให้ได้อย่างน้อย 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และวิ่งแบบนั้นต่อเนื่องเป็นเวลานาน ฝ่ายออกแบบรถ ฝ่ายเตรียมนักแข่ง ไปจนถึงองค์ประกอบเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเรื่องน้ำมันเครื่องหรืออาหารของนักแข่งก็ต้องคัดสรรระดับเทพมาทั้งสิ้น

รางวัลแห่งเกียรติยศที่เป็นสุดยอดใบเบิกทาง

แม้แต่คนนอกวงการก็ยังรู้ว่า เลอมัง คือ การแข่งขันที่ไม่ธรรมดา ผู้ชนะในรายการนี้ ไล่เรียงไปตั้งแต่ตัวนักแข่งเอง ผู้ออกแบบและผลิตรถยนต์ ผู้ผลิตยางรถยนต์ น้ำมันเครื่อง ฝ่ายซ่อมบำรุง กระทั่งฝ่ายออกแบบเสื้อผ้า หากได้รับการตีตราว่าเคยรับรางวัลในสนามเลอมังส์มาก่อน ความนิยมและยอดขายจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว เหมือนกับที่ Ford และ Ferrari ได้รับอยู่ทุกปี

เตรียมความพร้อมสู่การแข่งขันครั้งใหม่ในปี 2024

จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่า เลอมังส์ 24 ชั่วโมง 2024 จะจัดขึ้นเมื่อไร แต่ดูเหมือนว่าผู้ผลิตรถยนต์หลายค่ายก็เริ่มเตรียมตัวกันแล้ว ความน่าสนใจของปีนี้ก็คือ เราจะได้เห็นนวัตกรรมยานยนต์ใหม่ ๆ ที่หวังจะมาโค่นแชมป์เก่าแห่งสนามเลอมังส์ อาจมีรถไฟฟ้าและรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฮโดรเจนให้เห็นกัน ยิ่งไปกว่านั้น คาดว่าจะมีนักแข่งหญิงเพิ่มขึ้นจากปีก่อนด้วย ใครชื่นชอบความเร็วก็คอยติดตาม เลอมังส์ 24 ชั่วโมง 2024 กันได้เลย

อ่านบทความอื่น ๆ >> BMW XM รถยนต์ SUV พันธุ์ดุ คันใหญ่ ผสานสองขุมพลัง

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
บทความทั่วไป

เลอมังส์ 24 ชั่วโมง 2024 หนึ่งในการแข่งรถที่โคตรโหด

หากกล่าวถึงการแข่งรถที่โคตรหิน โคตรโหด เราเชื่อว่าในหัวหลายคนคงต้องนึกถึงการแข่งหลากหลายรายการอย่างแน่นอน และหนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้น เลอมังส์ 24 ชั่วโมง 2024 เพราะการแข่งขันดังกล่าวเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในการแข่งขันระดับตำนาน ที่แข่งยาวนานต่อเนื่องถึง 24 ชั่วโมง แถมยังมีการจัดการแข่งขันทั้งไฮเปอร์คาร์, มอเตอร์ไซค์, รถบรรทุก, รถคลาสสิก และอื่น ๆ อีกมากมาย และที่สำคัญ เลอมังส์ 24 ชั่วโมง ยังถือว่าเป็นอีกหนึ่งรายการแข่งรถที่มีประวัติยาวนาน และน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว 

เลอมังส์ 24 ชั่วโมง 2024

ทำความรู้จักกับ 24 Hours of Le Mans รายการแข่งรถ 101 ปี 

24 Hours of Le Mans เกิดขึ้นครั้งแรกระหว่างวันที่ 26 – 27 มิถุนายน 1923 ที่เมือง Le Mans (เลอม็อง) ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งในครั้งนั้นมีผู้ร่วมเข้าแข่งขันรวมกับรถแข่งทั้งหมด 33 คัน ซึ่งเป็นแบรนด์ดังอย่างเช่น Lorraine-Dietrich, Chenard & Walcker, Bugatti และ Bentley เป็นต้น และสำหรับ เลอมังส์ 24 ชั่วโมง 2024 จะเป็นปีที่ราบการแข่งรถดังกล่าวจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 101 ของการแข่งขัน เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในรายการแข่งรถที่อยู่คู่กับวงการกีฬามอเตอร์สปอร์ตมาอย่างยาวนาน

ที่น่าตื่นเต้นไปกว่านั้น สำหรับการแข่งขันปี 2023 ที่ผ่านมานี้ Ferrari ยังสามารถโค่นแชมป์เก่าหลายสมัยอย่าง Toyota ไปเป็นที่เรียบร้อย และนั่นยังเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ Ferrari ซึ่งนับว่าเป็นแชมป์สมัยที่ 10 และเป็นระยะเวลากว่า 58 ปีแล้วที่ Ferrari ไม่ได้เฉียดคำว่าแชมป์เลย ดังนั้นในปี 2024 ที่จะถึงนี้ก็น่าลุ้นว่า Toyota จะกลับมาทวงบันลังก์แชมป์คืนหรือไม่

เมืองเลอม๊อง ประเทศฝรั่งเศส สู่ชื่อการแข่งมอเตอร์สปอร์ต

หลังจากที่ได้ทราบกันในเบื้องต้นแล้วว่า เลอมังส์ 24 ชั่วโมง ที่กำลังจะเกิดขึ้นที่จะเป็นการแข่งขันปีที่ 101 ของการแข่งขัน แต่ฟลายคนก็อาจจะยังสงสัยว่า Le Mans คืออะไร และมีความสำคัญกับ 24 Hours of Le Mans ยังไง เราขออธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ แบบนี้ว่า เลอมัง คือ เมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส ริมแม่น้ำซาร์ต และเป็นสถานที่ที่ถูกใช้ในการจัดการแข่งขัน Le Mans 24 Hours ตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงปัจจุบันอีกด้วย ดังนั้นจึงดูเหมือนว่า เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทีมผู้จัดการแข่งขันนำชื่อของเมืองมาตั้งเป็นชื่อของรายการแข่งขันดังกล่าวด้วย

การถือกำเนิดขึ้นของ Circuit de la Sarthe 

Circuit de la Sarthe เป็นสนามแข่งที่ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 1906 เพื่อใช้ในการแข่งขัน French Grand Prix ซึ่งในช่วงแรก สนามแข่งรถแห่งนี้เป็น Road Circuit ที่ผู้จัดงานกลับตัดสินใจในการถนนระยะทางกว่า103 กิโลเมตรมาใช้เป็นสนามแข่ง แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดสงครามโลก จนทำให้การแข่งขันรถรายการต่าง ๆ ในยุโรปต่องยุติไป กระทั่งในปี 1919 Automobile Club de l’Ouest ก็ได้กลับมาจัดการแข่งขันอีกครั้งและได้มีการประเปลี่ยนเส้นทางให้เลือกเพียงระยะทาง 17 กิโลเมตรเท่านั้น และดูเหมือนว่านี่จะเป็นต้นแบบของ Circuit de la Sarthe ที่ถูกใช้แข่งกันมาถึงปัจจุบันด้วย

กระทั่งในปี 1922 Georges Durand เลขาธิการของ Automobile Club de l’Ouest, Charles Faroux นักข่าวมอเตอร์สปอร์ตและบัณฑิตจาก Polytechnique และนักอุตสาหกรรม Émile Coquille ตัดสินใจร่วมกันที่จะสร้างจะสร้างสนามแข่งถาวร Circuit de la Sarthe ระยะทางกว่า 13.626 กม. เพื่อใช้ในการแข่งขัน เลอมังส์ 24 ชั่วโมง ในปี 1923 อีกทั้งบูกัตติเซอร์กิต (Bugatti Circuit) และถนนสาธารณะของเมืองอีกด้วย

เลอมังส์ 24 ชั่วโมง 2024

คอนเฟิร์ม เลอมังส์ 24 ชั่วโมง 2024 จัดขึ้นระหว่าง 12-16 มิถุนายน

สำหรับการแข่งขันเลอมังส์ 24 ชั่วโมง 2024 ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ ถูกคอนเฟิร์มวันจัดการแข่งขันอย่างเป็นทางการแล้วเป็นที่เรียบร้อย โดยเลอมังส์ 24 ชั่วโมง ของปี 2024 นี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 16 มิถุนายน 2024 โดยจะมีกิจกรรมต่าง ๆ ให้ผู้ชมสามารถเข้าร่วมได้ แต่สำหรับวันที่ 12 – 16 มิถุนา เวลาตั้งแต่ 02:00 PM – 05:00 PM Free Practice1 และจะ Start การแข่งในเวลา 04:00 PM ของวันที่ 15 และสิ้นสุดการแข่งขันในเวลา 04:00 PM ของวันที่ 16 มิถุนายน 2024 สำหรับใครที่อยากเข้าร่วมชมการแข่งขันเลอมังส์ 24 ชั่วโมง ก็สามารถเข้าไปซื้อบัตรบนเว็บไซต์ https://www.24h-lemans.com/ ได้แล้ววันนี้

โดยราคา และแพ็กเกจบัตรเข้าชมการแข่งขันที่สนาม Circuit de la Sarthe มีหลายราคา หลายแพ็กเกจด้วยกัน และต้องแจ้งให้ทราบว่าบัตร SOLD OUT ไปแล้วหลายแพ็กเกจด้วยกัน ดังนั้นใครที่อยากไปชมต้องรีบแล้ว 

อ่านบทความอื่น ๆ >> BMW XM รถยนต์ SUV พันธุ์ดุ คันใหญ่ ผสานสองขุมพลัง

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
บทความทั่วไป

แนะนำการเช็ก ระบบเบรครถยนต์ ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้

ระบบเบรครถยนต์

ระบบเบรครถยนต์ นับว่าเป็นอีกระบบหนึ่งของรถยนต์ที่มีความสำคัญมาก ๆ เพราะระบบเบรคเป็นตัวช่วยยับยั้งไม่ให้รถเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นการหมั่นตรวจเช็คระบบเบรครถยนต์อยู่เสมอก็นับว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนใช้รถต้องทำ โดยเฉพาะคนใช้รถมือใหม่ที่อาจจะไม่รู้ว่าต้องตรวจเช็กจุดไหนบ้าง ดังนั้นวันนี้เราจึงได้รวบรวมวิธีเช็กระบบเบรครถยนต์มาให้ทุกคนแล้ว

ระบบเบรครถยนต์ มีอะไรบ้าง แต่ละส่วนตรวจเช็คยังไง

สำหรับ ระบบเบรครถยนต์ จะประกอบด้วย 6 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ หม้อลมเบรค, แม่ปั๊มเบรค, สายเบรค, ปั๊มเบรค, จานเบรค, ผ้าเบรค และ น้ำมันเบรครถยนต์ ซึ่งแต่ละจุดก็จะมี การดูแลรักษา และวิธีเช็คที่แตกต่างกันออกไป โดย ระบบเบรค บางจุดเราก็สามารถเช็คเองได้ บางจุดก็ต้องอาศัยช่างที่มีประสบการณ์

ระบบเบรครถยนต์

ระบบเบรกที่เราสามารถเช็กได้ด้วยตัวเอง

ระบบเบรค หลายจุดเราสามารถเช็กความผิดปกติเบื้องต้นก่อนได้หลายจุดด้วยกัน โดยระบบเบรกที่เราสามารถเช็กด้วยตัวเองมีดังนี้

  • หม้อลมเบรค ให้คุณดับเครื่องยนต์จากนั้นปล่อยไว้ประมาณ 5 วินาที แล้วเหยียบเบรคให้สุดแล้วปล่อยประมาณ 5 ครั้ง จนเบรคมีความแข็งจนเหยียบไม่ลงแปลว่า หม้อลมเบรค ยังทำงานได้ดีอยู่ 
  • แม่ปั๊มเบรค ถ้าซีนแม่ปั๊มเบรครั่ว ก็จะมีน้ำมันซึมออกมาอย่างเป็นได้ชัด ซึ่งตะส่งผลเสียต่อระบบเบรกทั้งระบบ
  • สายเบรก สายเบรกเป็นชิ้นส่วนที่มีความทนทานมาก ๆ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีการแตก หรือขาด ดังนั้นการเช็กคือเรามุดเข้าไปดูใต้ท้องรถว่าสายเบรกยังอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน
  • จานเบรค/ผ้าเบรค ถ้าคนเหยียบ เบรค แล้วพบว่า รถเริ่มมีอาการเบรกไม่อยู่อาจมีความเป็นไปได้ว่าจานเบรค และผ้าเบรกมีปัญหา ซึ่งควรเรียบนำรถเข้าศูนย์ทันที
  • น้ำมันเบรกรถยนต์ ระบบน้ำมัน ของรถโดยเฉพาะน้ำมันเบรคมีความสำคัญมาก ๆ โดยคุณจะต้องตรวจเช็คอย่างสม่ำเสมอว่า น้ำมันเบรคอยู่ในระดับมาตรฐาน หรือไม่มีการรั่วซึมของน้ำมัน

ชนิดของเบรครถยนต์ที่ใช้กันในปัจจุบัน

ก่อนที่เราจะไปดูว่า ระบบเบรครถยนต์ มีอะไรบ้างนั้น เราอยากพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับชนิดของ เบรครถยนต์ กันก่อน โดยเบรกรถยนต์จะมีอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ ดรัมเบรค และ ดิสก์เบรค ซึ่งดรัมเบรกมักจะใช้ในรถบรรทุกมากกว่า แต่ในรถส่วนบุคคลบางรุ่นก็ใช้เช่นกัน ส่วนดิสก์เบรก เราเชื่อว่าหลายคนต้องคุ้นหูอย่างแน่นอน เพราะส่วนใหญ่จะใช้กับรถส่วนบุคคล ไปจนถึงรถแข่งในสนามเลยทีเดียว

จุดเด่น และจุดด้อยของดรัมเบรค

อย่างที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่า เบรครถยนต์ มี 2 ประเภท โดยดรัมเบรคจะมีข้อดีหรือจุดเด่นในเรื่องของการหยุดรถที่จะหยุดได้เร็ว เพราะส่วนใหญ่ใช้กับรถบรรทุกซึ่งจะมีน้ำหนักมาก แต่ในขณะเดียวกัน เบรค แบบนี้ก็มีข้อเสียเหมือนกันเพราะ เบรค ประเภทนี้จะระบายความร้อนและรีดน้ำออกจากระบบได้ไม่ดีเท่าที่ควร อีกทั้งประสิทธิภาพของเบรคยังลดลงเมื่ออยู่บนทางลาดชัน

จุดเด่น และจุดด้อยขอดิสก์เบรค

สำหรับดิสก์เบรคเป็นชนิดของ เบรครถยนต์ ที่นิยมใช้ในรถยนต์ทั่วไป ไปจนถึงรถแข่ง ซึ่งจุดเด่นของเบรกชนิดนี้ การระบายความร้อย และการรีดน้ำออกจาก ระบบเบรค ได้ดี ง่ายทั้งในการดูแล และการรักษาความสะอาด และมีความแม่นยำในการเบรค แต่สำหรับข้อเสียคือในส่วนของเรื่องราคาที่อาจจะสูง ปัจจุบันในท้องตลาดก็มีทางเลือกอยู่มากมายเช่นกัน

ความสำคัญในการดูแลรักษาระบบเบรค

อย่างที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่าระบบเบรครถยนต์ เป็นระบบที่ช่วยป้องกันให้อุบัติเหตุไม่เกิดขึ้นได้ ซึ่ง ระบบเบรค แต่ละจุดก็จะมีวิธีในการดูแลที่แตกต่างกันออกไป และแน่นอนว่าผู้ใช้งานอย่างเราจะสามารถดูแล บำรุงรักษา และตรวจเช็ค เบรครถยนต์ ทั้งระบบนั้นได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้นเอง ดังนั้นการนำรถเข้าไปเช็ค เบรค หรือเช็ครถตามระยะที่กำหนดโดยละเอียดอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นแล้วมีความสำคัญมาก ๆ ในขณะเดียวกันคือ เราก็ต้องดูแลระบบเบรคในส่วนที่เราทำได้ไม่ว่าจะเป็นการล้างรถ หรือการเช็คน้ำมันเบรคเป็นประจำก็จะช่วยยืดอายุชองระบบเบรคออกไปให้นานขึ้นได้ด้วย

อ่านบทความอื่น ๆ >> BMW XM รถยนต์ SUV พันธุ์ดุ คันใหญ่ ผสานสองขุมพลัง

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
บทความทั่วไป

อยากซื้อ รถมือสอง เลือกยังไงดี

รถมือสอง

รถมือสอง นับว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกดี ๆ สำหรับคนที่อยากได้รถไว้ใช้งาน แต่อยากประหยัดงบมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญการซื้อรถมือสองคุณยังสามารถทำการผ่อนกับไฟแนนซ์ได้ด้วย ดังนั้นนอกจากเราจะได้รถยนต์คันที่ถูกใจมาใช้งานแล้ว เรายังจ่ายในงบที่ย่อมเยาอีกด้วย แต่การเลือกซื้อรถมือสองก็มีความเสี่ยงอยู่เหมือนกัน ดังนั้นใครที่ยังไม่รู้ว่าควรเลือกยังไงดี วันนี้เรามีคำแนะนำมาให้เพื่อน ๆ แล้ว

วิธีการเลือกและทดสอบขับขี่รถมือสองสภาพดี

สำหรับคนที่ซื้อ รถมือสอง แน่นอนว่าเราก็อยากได้ รถมือสองสภาพดี มาไว้ใช้งานอย่างแน่นอน ซึ่งวิธีการเลือกรถมือสองในเบื้องต้นที่เราสามารถทำได้ง่าย ๆ คือ การทดสอบขับขี่เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าระหว่างการใช้งานรถคันนั้นมีปัญหา หรือมีความผิดปกติตรงไหนหรือไม่ แต่สำหรับใครที่จะซื้อเป็นรถคันแรก ควรจะมีคนที่รู้เรื่องรถไปดูด้วยเพื่อให้ได้ รถมือสองสภาพดี ตรงใจเรา

การตรวจสอบประวัติการใช้งานของรถมือสอง

ตรวจสอบประวัติรถจากเล่มทะเบียนจริง เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ สำหรับการซื้อ รถมือสอง เพราะเล่มทะเบียนรถจะระบุข้อมูลสำคัญทุกอย่างโดยเฉพาะประวัติการเปลี่ยนสี, การซ่อมบำรุง, การดัดแปลง รวมไปถึง รายชื่อผู้ถือครองรถ และลำดับการเปลี่ยนมือ ซึ่งสำคัญมาก ๆ เพราะในรถบางคันอาจจะมีการสวมทะเบียนหรือการซ่อมใหญ่มาก็เป็นได้

เช็คราคารถมือสอง เปรียบเทียบราคา

อีกหนึ่งวิธีในการเลือกซื้อรถมือสอง คือการ เช็คราคารถมือสอง แล้วนำมาเปรียบเทียบกับราคาของรถมือหนึ่งในรุ่นเดียวกับที่เราต้องการนั้นจะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้คุณจ่ายเงินซื้อรถมือสองในราคาที่คุ้มค่า และไม่ถูกอัพราคาสูงเกินความเป็นจริงนั่นเอง

การเลือกประกันและบริการหลังการขายรถมือสอง

นอกจากการเลือกซื้อรถเราควรจะเลือกซื้อ รถมือสองสภาพดี จากเต็นท์รถที่มีความน่าเชื่อถือแล้ว เราควรดูว่าทางเต็นท์ให้การประกันหรือบริการหลังการขายอะไรกับเราบ้าง เพื่อให้เรามั่นใจได้ว่า หากรถมีปัญหาหลังจากซื้อขาย ทางเต็นท์จะเข้ามารับผิดชอบหรือเข้ามาดูแล อีกทั้งยังทำให้เราอุ่นใจมากขึ้นอีกด้วย

รถมือสองสภาพดีที่คนนิยมซื้อมากที่สุด

สำหรับปี 2023 นี้ รถมือสอง รุ่นยอดนิยมนั้นมือหลายรุ่นด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Mazda 2, Honda Jazz, Toyota Yaris และ Suzuki swift โดยรถรุ่นต่าง ๆ เหล่านี้ต่างเป็นตัวชูโรงของแบรนด์เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะ  Suzuki swift ที่กาลเวลาฆ่าไม่ตาย และที่สำคัญราคามือสองก็จัดอยู่ในเกณฑ์ดี ไม่แรงเกิดไป อีกทั้งยังมาพร้อมสมรรถนะที่ดี ดีไซน์สวย และเทคโนโลยีที่ใช้ก็เป็นเทคโนโลยีที่ไม่เก่าจนเกินไปด้วย ดังนั้นจึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้รถเหล่านี้เป็นมือสองที่เนื้อหอมที่สุด

การเปรียบเทียบราคา ทำความเข้าใจรถ Suzuki Swift มือสอง

สำหรับ Suzuki swift มือสองรุ่นที่น่าสนใจที่สุดจะเป็นรุ่นปี 2018 ซึ่งเป็นรถที่มีอายุเพียง 5 ปีแต่ราคามือสองถูกลงกว่าครึ่ง โดยรถตัวท้อปมีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 629,000 บาท และปัจจุบันราคามือสองอยู่ที่ประมาณ 3 แสนกว่าบาท อีกทั้งในส่วนของดีไซน์ก็ดูทันสมัย เป็นรถ ECO Car ที่ช่วยในเรื่องของการประหยัดน้ำมัน แถมยังรองรับ Apple CarPlay อีกด้วย นอกจากนี้ใน Suzuki swift ยังเป็นรถที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์ซึ่งนับว่าเป็นจุดเด่นเลยก็ว่าได้

การเลือก Mazda 2 มือสองสภาพดี วิธีเช็คภายนอกและภายในของรถ

Mazda 2 เป็นอีกหนึ่ง City Car ที่น่าสนใจมาก ๆ โดยวิธีเช็คภายนอกและภายในของ Mazda 2 มือสอง ก็ไม่ได้มีความแตกต่างจากการเลือกซื้อรถมือสองรุ่นอื่น ๆ เท่าไหร่นัก ซึ่งนอกจากจะต้อง เช็คราคารถมือสอง และหาข้อมูลเฉพาะของรถปีนั้น ๆ ว่า Mazda 2 รุ่นปีที่เราอยากได้นั่นมีออปชั่น หรือมีอะไรพิเศษเพิ่มมาบ้าง เช่นการเช็คระบบไฟฟ้าของคนว่ายังใช้งานได้ดีอยู่หรือไม่ โดยเฉพาะในรุ่นใหม่ ๆ ที่จะมาพร้อมเบรกมือไฟฟ้า เป็นต้น

รถมือสอง

ซื้อรถมือสองแบบรถบ้าน หรือรถเต็นท์ดีกว่ากัน

สำหรับการซื้อ รถมือสอง จะมีอยู่ 2 แบบหลัก ๆ ด้วยกันคือการซื้อรถบ้าน และรถเต็นท์ ซึ่งทั้ง 2 แบบก็จะมีข้อดีและข้อเสียต่างกัน เช่นหากซื้อรถบ้านต่อจากคนที่เรารู้จักอยู่แล้ว แหละเห็นการดูแลรถ หรือการใช้รถของคนนั้นมาตลอด ก็จะทำให้เรามั่นใจในคุณภาพของรถ แต่ถ้าเป็นรถจากเต็นท์ข้อดีคือสะดวก และมีรถให้เลือกมากกว่า และที่สำคัญเรายังสามารถ เช็คราคารถมือสอง ผ่านเว็บไซต์ของผู้จำหน่ายรถมือสองได้ด้วย รวมไปถึงการรับประกัน และบริการหลังการขาย ดังนั้นใครที่รู้สึกว่าอันไหนตอบโจทย์กว่าก็สามารถเลือกได้เลย

อ่านบทความอื่น ๆ >> BMW XM รถยนต์ SUV พันธุ์ดุ คันใหญ่ ผสานสองขุมพลัง

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
บทความทั่วไป

รถไฮบริด สุดยอดเทรนด์ในการใช้พลังงาน

รถไฮบริด

รถไฮบริด นับว่าเป็นนับนวัตกรรมที่สร้างความฮือฮา และความตื่นเต้นให้กับเราเป็นอย่างมาก เนื่องจากในช่วงนั้นนวัตกรรมดังกล่าวเป็นสิ่งที่ใหม่มาก ๆ ในยุคนั้น และในปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์หลาย ๆ ค่ายก็ได้มีการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้เป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้บริโภคอย่างเรามีตัวเลือกมากขึ้น บวกกับยังเป็นเทรนด์การใช้พลังงานที่ได้ปัจจุบันเป็นที่นิยมเป็นอย่างยิ่ง

เทรนด์การเปลี่ยนสู่รถ hybrid ทำไมมันกำลังได้รับความนิยม?

รถไฮบริด ถูกผลิตขึ้นครั้งแรกในปีพ.ศ. 2540 โดย Toyota และเปิดตัวรถรุ่นดังกล่าวด้วยชื่อ Prius และถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่ความนิยมของ รถ hybrid ก็ยังไม่ลดลงไป เพราะจุดเด่นคือ เป็นรถที่มีแหล่งพลังงาน 2 แหล่งคือ น้ำมันและไฟฟ้า แต่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องชาร์จ เพราะในระบบจะมีการชาร์จตัวเอง ช่วยให้ประหยัดมากขึ้น แถมยังไม่ต้องกังวลเรื่องของสถานีชาร์จเมื่อต้องเดินทางไกล ๆ ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนไทยได้เป็นอย่างดี

การออกแบบภายนอกของรถไฮบริด สไตล์ที่น่าตื่นเต้นและนวัตกรรมทันสมัย

สำหรับใครที่ชื่นชอบน้ำมันแต่อยากประหยัดมากขึ้น รถไฮบริด ก็อาจจะเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับคุณก็ได้ เพราะในส่วนของดีไซน์ภายนอกของ รถ hybrid ต้องบอกเลยว่ามี DNA ที่ใกล้เคียงกับรถยนต์สันดาปมาก ๆ และที่สำคัญรถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ ๆ ยังออกแบบให้มาพร้อมโหมดในการขับขี่ที่มัน และสนุกยิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเมื่อต้องการความประหยัด หรือขับสบาย ๆ ก็เปลี่ยนไปใช้โหมด ECO เมื่อทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ทำงานร่วมกันรถของคุณก็จะแรงขึ้นอีกด้วย

ความแตกต่างระหว่างรถไฮบริดและรถยนต์ทั่วไป

ถึงแม้ว่า รถ hybrid และรถยนต์ทั้งไปจะมี DNA ที่ใกล้กัน แต่รถทั้ง 2 ประเภทนี้ก็มีความแตกต่างกันอยู่มาก โดยหลัง ๆ เลยจะเป็นในส่วนของเรื่องสมรรถนะที่เหนือกว่าเมื่อเปรียบเทียบในรุ่นเดียวกัน อีกทั้งรถยนต์ไฮบริดจะสามารถเลือกใช้พลังงานได้ 3 แบบ คือ เครื่องยนต์, ไฟฟ้า และไฮบริด ซึ่งแหล่งพลังงานทั้ง 2 ทำงานรวมกันก็จะทำให้รถมีกำลังที่สูงขึ้น ต่างจากรถยนต์ทั่วไปที่จะมีกำลังจากแหล่งเดียวคือเครื่องยนต์

การใช้งานระบบนำทาง GPS ในรถไฮบริด

สำหรับระบบนำทาง หรือ GPS ของ รถ hybrid ก็จะมีอยู่ 2 แบบหลัก ๆ ด้วยกันคือ แบบที่เป็นออปชั่นมากับตัวรถ และแบบที่ใช้แอปอื่น ๆ เข้ามาช่วย เช่น Google Map ซึ่งไม่เพียงแค่ในรถไฮบริดเท่านั้นเพราะในรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ก็ใช้ระบบนี้เช่นกัน แต่สำหรับรถรุ่นใหม่ ๆ หรือใน รถยนต์ ไฮบริด 2023 จะสามารถเลือกใช้ GPS ได้ทั้ง 2 แบบในรถคันเดียวเนื่องจากรถหลาย ๆ รุ่นในปัจจุบันสามารถเชื่อมต่อกับระบบปฏิบัติงานของสมาร์ทโฟนได้

รถไฮบริด

Plug-in Hybrid เทคโนโลยีที่นำเสนอโอกาสใหม่ในการขับขี่

หลังจากที่เราทำความรู้จัก รถไฮบริด ไปแล้ว ต่อมาเราอยากพาทุกคนมารู้จักกับ Plug-in Hybrid กันบ้าง โดย Plug-in Hybrid เป็นระบบรถยนต์ใหม่ที่มีความคล้ายคลึงกับรถยนต์ไฮบริด แต่รถยนต์แบบปลั๊กอินไฮบริดจะแตกต่างตรงที่คุณสามารถชาร์จแบตเตอรี่เข้าไปได้ด้วย ดังนั้นคุณจะเลือกใช้ระบบใด ระบบหนึ่งแบบถาวรได้เลย ซึ่งตอบโจทย์กับคนที่ชื่นชอบเทคโนโลยีใหม่ ๆ ใช้รถทั้งเดินทางต่างจังหวัดและในเมืองเป็นอย่างยิ่ง

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีในรถยนต์ ไฮบริด 2023

  • แบตเตอรี่ของ รถยนต์ ไฮบริด 2023 รวมไปถึงรถยนต์ไฮบริดรุ่นเก่า ๆ จะมีราคาที่สูงมาก ๆ ดังนั้นการดูแลรักษาแบตเตอรี่จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ 
  • รถยนต์ไฮบริดจะไม่ตอบโจทย์คนที่ขับรถออกต่างจังหวัดบ่อย ๆ เนื่องจากอัตราความประหยัดจะมีน้อยกว่าการขับในเมือง เนื่องจากรถจะดึงพลังงานไฟฟ้ามาช่วยเมื่อรถมีรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำ
  • ความเร็วจะถูกจำกัดเพื่อให้รถประหยัดพลังงานมากขึ้น ดังนั้นใครที่ชอบขับรถแรง ๆ อาจจะไม่เหมาะเท่าไร
  • การซ่อมบำรุงรถมีความจำเป็นจะต้องใช้ช่างที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ ดังนั้นก็อาจจะจะจำเป็นต้องใช้บริการศูนย์เท่านั้น
  • ค่าซ่อมและค่าบำรุงรักษาของรถยนต์ไฮบริดจะสูงกว่ารถยนต์ทั่วไป ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อคุณควรคำนึงในจุดนี้ในดีเสียก่อน

การบำรุงรักษาระบบรถไฮบริดให้มีประสิทธิภาพสูงสุด 

สำหรับการบำรุงรักษาระบบของรถไฮบริด หรือ รถยนต์ ไฮบริด 2023 จะต้องดูแลทั้งระบบของเครื่องยนต์ และระบบของไฟฟ้า โดยมี 5 จุดหลัก ๆ ที่จะต้องดูและเป็นพิเศษดังนี้

  • แบตเตอรี่ นับว่าเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของรถไฮบริด ดังนั้นเราจึงควรดูแลเป็นพิเศษ โดยหลัก ๆ คือไม่ควรจอดรถตากแดดบ่อย ๆ เพราะจะทำให้แบตเสื่อมได้ง่ายขึ้น
  • การดับเครื่องยนต์ เมื่อขับรถถึงที่หมายไม่ควรดับเครื่องทันทีเพราะแบตกำลังชาร์จไฟอยู่ ดังนั้นจึงควรดูก่อนว่าแบตไม่ได้ถูกชาร์จอยู่เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับแบตเตอรี่
  • การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง รถยนต์ไฮบริดยังต้องดูแลระบบต่าง ๆ เหมือนรถยนต์สันดาป โดยเฉพาะการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องที่ควรต้องเปลี่ยนตามระยะที่กำหนด
  • ระบบเบรก เช่นเดียวกับน้ำมันเครื่อง โดยระบบเบรกของรถยนต์ไฮบริดควรดูแลตามที่คู่มีกำหนด เพราะการละเลยอาจทำให้เกิดอันตรายตามาได้
  • นำรถเข้าศูนย์เช็กระยะ ไม่ว่าจะรถยนต์รุ่นไหน ๆ การนำรถเข้าศูนย์เช็กระยะตามที่คู่มือกำหนดนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ และทุกคนควรปฏิบัติตาม
รถไฮบริด

สรุปรถยนต์ไฮบริด Vs. Plug-in Hybrid เทคโนโลยีไหนดีกว่ากัน

สำหรับ Plug-in Hybrid จริง ๆ แล้วก็เป็นหนึ่งในรถที่จัดอยู่ในกลุ่มของรถยนต์ไฮบริด เนื่องจาก รถไฮบริด แต่ก็มีรูปแบบที่แตกต่างกันในเรื่องของการชาร์จแบตเตอรี่ และต้องบอกว่า Plug-in Hybrid หลาย ๆ รุ่นมีราคาที่สูงกว่า รถยนต์ ไฮบริด 2023 อีกทั้งความตอบโจทย์ในรูปแบบการใช้งานก็ค่อนข้างที่จะแตกต่างกันอีกด้วย แต่สำหรับใครที่ชื่นชอบเทคโนโลยีใหม่ ๆ Plug-in Hybrid ก็อาจจะตอบโจทย์มากกว่านั่นเอง

อ่านบทความอื่น ๆ >> BMW XM รถยนต์ SUV พันธุ์ดุ คันใหญ่ ผสานสองขุมพลัง

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023