สินค้า simulator

กิจกรรม

การแข่งขัน

แนะนำอุปกรณ์

ทดลองอุปกรณ์

Categories
ข่าวสาร บทความทั่วไป

เพลินทุกย่างก้าวการลุยโคลนไปกับ Spintires: MudRunner Mobile ในเวอร์ชั่นพกพา

Spintires MudRunner Mobile

Mudrunner เป็นการผสมผสานกันระหว่างคำว่า ” โคลน ” เข้ากับ ” วิ่ง ” เพื่อสื่อความหมายในการเดินทางที่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยดินโคลน โดยจุดเด่นของเกมก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของลายละเอียดระบบฟิสิกส์ซึ่งจัดเต็มมาเพื่อความสมจริงอย่างขีดสุด ไม่ว่าจะน้ำหนักรถ การเอียนเอียง การขับเคลื่อนขึ้นที่สูง-ต่ำ ไปจนถึงพื้นผิวโคลนที่จะเปลี่ยนสภาพทุกครั้งเมื่อมีการขับผ่านจนกลายเป็นทางล้อ และมันจะส่งผลให้การขับผ่านในครั้งต่อไปเป็นไปได้ยากมากขึ้น 

Spintires MudRunner Mobile

และที่ถูกใจเหล่าคอเกมขับรถเหมือนจริงมากที่สุด ก็คือเมื่อรถเกิดมีปัญหาไปต่อไม่ได้ เราจะต้องหาทางขับรถอีกคันมาจากด้านนอกเพื่อลากรถที่ติดขัดออกจากสถานที่แห่งนั้น โดยไม่สามารถวาปรถออกได้ และด้วยการนำเสนอรูปแบบการเล่นที่แปลกใหม่สมจริง Mudrunner จึงกลายเป็นเกมที่มีกระแสวิจารณ์ไปในทิศทางที่ดีเยี่ยมมาโดยตลอด

อย่างไรก็ตามในเวอร์ชั่นของ MudRunner Mobile ที่เป็นการพอร์ตลงให้กับโทรศัพท์มือถือ ลายละเอียดต่าง ๆ ภายในเกมจึงถูกปรับแก้ไขให้ลดลงไปบ้าง โดยเฉพาะในเรื่องของพื้นผิวโคลนที่ไม่ได้แสดงลายละเอียดออกมาได้สมจริงเหมือนในเวอร์ชั่นคอมพิวเตอรื แต่เนื้อหาสำคัญ ๆ ต่างจะถูกมาลงไว้ให้ครบทั้งหมด ตั้งแต่โหมดภารกิจที่ผู้เล่นต้องขับรถไปให้ถึงจุดต่าง ๆ ตามเป้า โหมด Free Game ที่มีไว้ขับรถเล่นโดยไม่มีจุดหมายอะไรบนแผนที่ขนาดใหญ่ รถนานาชนิดที่มีให้เลือกตั้งแต่รถขนาดเล็กไปจนถึงรถบรรทุกขนาดใหญ่ พร้อมด้วยการเลื่อกพ่วงท้ายหลากรูปแบบมาให้บรรทุกวัสดุขึ้นเขาไปด้วยสำหรับสายนักเล่นสวมบทบาท 

Spintires MudRunner Mobile

ใครที่สนใจและชื่นชอบเกมขับรถเหมือนจริงสไตล์ Simulation สายลุยป่า ก็สามารถหาโหลด MudRunner Mobile มาเล่นได้แล้วบน Google Play ซึ่งรับรองได้ว่าใครที่ทำงานเกี่ยวกับการขับรถส่งของในพื้นที่ทุรกันดาร หรือเป็นสาวกชาวออฟโร้ดอยู่แล้ว จะต้องอินกับการเล่นเกมนี้ผ่านอุปกรณ์แบบพกพาอย่างแน่นอน

Spintires MudRunner Mobile



เขียนโดย : นายล้อหมุน

Categories
Uncategorized

Euro Truck Simulator 2 เกมขับรถบรรทุก Simulator ที่ไม่มีวันตาย

Euro Truck Simulator 2

มันคือเกมม้ามืดนอกกระแสอย่างแท้จริง แถมยังกวาดผู้เล่นชาวไทยไปเป็นจำนวนมาก กับเกม Euro Truck Simulator 2 ที่แม้ว่าตัวเกมจะเปิดตัวครั้งแรกไปตั้งแต่ปี 2012 แต่มันก็ยังเป็นเกมขับรถเหมือนจริง ที่ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยความที่ตัวเกมไม่ได้ถูกปล่อยร้างจากการอัพเดทเนื้อหาใหม่ ๆ เข้ามาเป็นระยะ ประกอบกับการเจาะตลาดกลุ่มผู้ชื่นชอบรถบรรทุกทั้งแฟนคลับไปจนถึงผู้ประกอบอาชีพจริง ๆ จึงทำให้ชื่อของ Euro Truck Simulator กลายเป็นเกมที่มีฐานแฟนคลับเหนียวแน่นไม่พังทลายง่าย ๆ 

Euro Truck Simulator 2

Euro Truck Simulator 2

ความเพลิดเพลินที่อยู่ใน Euro Truck Simulator 2 นี้จะมาจากการ ” สวมบทบาท ” ขับรถส่งของในชีวิตประจำวันทั้งสิ้น ไม่มีความตื่นเต้นใด ๆ มาสร้างสีสันแบบฉบับเกมแข่งรถที่คนทั่วไปชอบเล่นกันเลยซักนิด แต่นี้แหละคือจุดแข็งที่ทำให้ตัวเกมสนุกได้ อย่างไม่น่าเชื่อ จากระบบการเล่นที่ถ่ายทอดบรรยากาศการขับขี่ได้อย่างเข้าถึงโลกความเป็นจริง ตั้งแต่ระบบการควบคุมรถ ระบบกฎจราจร เส้นทางถนนที่ถอดแบบมาจากแผนที่ของจริงแบบเป๊ะ ๆ ถึง 60 เมือง ( ไม่รวมแผนอื่น ๆ ที่รออยู่ใน DLC อีกมากมาย ) แถมระยะทางก็ยาวไกลสุดลุกหูลูกตา โดยต้องใช้เวลาติดต่อกันอย่างน้อย 2 ชั่วโมงจึงจะเดินทางจุดสุดขอบแผนที่ ทำให้เกมขับรถเหมือนจริงเกมนี้มีเสน่ห์เอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ยากจะหาที่ไหนได้

อย่างไรก็ตามตัวเกมก็ใช้ว่าจะจืดชืดมีเนื้อหาแค่ขับรถส่งของเฉย ๆ เท่านั้น เพราะในระหว่างการเดินทางผู้เล่นอาจต้องพบเจอกับอุปสรรคที่เกิดขึ้นได้นานาประการ อาทิ เหตุการจราจรอันติดชัดหนาแน่น, การปิดถนนจากเขตุก่อสร้างหรือมีเหตุรถชน, เส้นทางคับแคบที่ผู้เล่นจะต้องกะระยะการเข้าโค้งให้ดี ๆ และแม้แต่ความง่วงของตัวละครภายในเกม ก็ยังกลายมาเป็นความท้าทายให้แก่ผู้เล่นได้สัมผัสกันด้วยเช่นเดียวกัน

Euro Truck Simulator 2

ขับรถยังมีปลายทาง อาชีพก็ย่อมต้องมีจุดหมายด้วยเช่นเดียวกัน

นอกจากการขับรถแล้วใน Euro Truck Simulator 2 ยังมีระบบ Level ที่ทุกการส่งของตามภารกิจผู้เล่นจะได้รับรางวัลเป็นค่า EXP และ เงินตอบแทน โดยปริมาณของรางวัลจะขึ้นอยู่กับความยากง่ายในภารกิจ เช่น ระยะการเดินทาง หรือ ประเภทสินค้าที่บรรทุก ( สินค้าแบบเปราะบาง ) 

ส่วน EXP ที่ได้จะใช้ในการอัพเลเวลเพื่อรับ Skill Point มาใช้สำหรับปลดล็อคทักษะอันเป็นประโยชน์ต่อตัวละคร อาทิ สกิลเพิ่มเงินรางวัล หรือ ปลดล็อคประเภทรถบรรทุกสินค้าเพิ่ม เป็นต้น ส่วนเงินในเกมนอกจากจะนำมาใช้เพื่อซื้อรถและปรับแต่งรถได้แล้ว ผู้เล่นยังสามารถนำมาใช้ต่อยอดให้กลายมาเป็นเจ้าของบริษัทได้อีกด้วย ตั้งแต่การอัพเกรดโรงจอดรถให้รองรับจำนวนรถได้มากขึ้น การเลือกจ้างนักขับต่าง ๆ มาขับรถส่งของให้ตามความสามารถที่เหมาะกับประเภทงาน รวมไปถึงการขยายกิจการให้กว้างขวางขึ้น เรียกได้ว่านอกจากความสนุกทางการขับขี่แล้ว ตัวเกมยังสานฟันให้แก่ผู้เล่นได้จินตนาการถึงธุรกิจของตัวเองไปในตัว

อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ DLC ที่มีให้เลือกอย่างมากมาย ประกอบกับม็อดที่แฟนเกมทำออกมาอย่างไม่ขาดสาย ดังนั้นผู้เล่นจึงมั่นใจได้ว่าเกมขับรถเหมือนจริง Euro Truck Simulator 2 จะไม่ทำให้คุณเบื่อง่ายอย่างแน่นอน



เขียนโดย : นายล้อหมุน

Categories
บทความทั่วไป

สานฝันการเป็นนักแข่งรถได้ถึงบ้านกับเกม Gran Turismo Sport

Gran Turismo Sport

หลังจากทำหน้าที่เป็นวิดีโอเกมมอบความบันเทิงมาอย่างยาวนาน ในที่สุด Gran Turismo ซีรี่ย์เกมแข่งรถเหมือนจริงที่สุด ก็ได้ขยับตนเองให้ก้าวเข้ามาสู่วงการ e-sport ได้อย่างเต็มตัวเสียที ผ่านการนำเสนอระบบการเล่นที่มีลายละเอียดขึ้น ประกอบการงานภาพที่ได้รับการพัฒนาให้รันออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เคยมีมา ชนิดเห็นแล้วยังแทบไม่น่าเชื่อว่าเจ้าเครื่อง PS4 จะยังคงสามารถประมวลผลภาพออกมาได้ดีถึงขนาดนี้ 

อย่างไรก็ตามหลังจากที่เกมแข่งรถเหมือนจริงภาคใหม่อย่าง Gran Turismo 7 ยังไม่มีประกาศการระบุวันวางจำหน่ายที่แน่นอน ประกอบกับการเผยว่าตัวเกมจะลงให้เฉพาะเครื่อง PS5 เท่านั้น ทำให้เหล่าผู้ครอบครอง PS4 คงเหลือทางเลือกแค่การเก็บเงินซื้อคอนโซลใหม่เท่านั้น แต่สำหรับใครที่ยังไม่พร้อมสำหรับการเปลี่ยนเครื่อง ( กระเป๋าเงินแห้งอยู่ ) Gran Turismo Sport ก็ยังถือว่าเป็นตัวเลือกที่ยังคบหากันอยู่ได้อีกนานแน่นอน 

Gran Turismo Sport

Gran Turismo Sport

แม้จะเป็นภาคที่เปิดตัวต่อจากภาค 6 แต่ทางผู้พัฒนาอย่าง Polyphony Digital กลับเลือกที่จะปัดเลข 7 ออกแล้วเลือกใส่คำว่า ” Sport ” ลงไปแทน เพราะเนื้อหาหรือรูปแบบการเล่นในภาคนี้จะค่อนแตกต่างและพิเศษยิ่งกว่าภาคก่อน ๆ เนื่องจากเป็นภาคที่เน้นออกแบบมาเพื่อรองรับการแข่งขัน e-sport ซึ่งได้รับการรองรับมาตรฐานโดย FIA ( สหพันธ์รถยนต์ระหว่างประเทศ ) ดังนั้นเนื้อหาการเล่นไปจนถึงระบบต่าง ๆ จะเอื้อต่อการสนับสนุนการแข่งขันอย่างจริงจังมากที่สุด 

ส่วนระบบการเล่นต่าง ๆ ยังคงล้วนได้รับการปรับปรุงมามาให้ได้มาตรฐานตามสไตล์ของ Gran Turismo ที่คร่ำหวอดวงการเกมแข่งรถเหมือนจริงมาในทุก ๆ ภาค เพื่อให้ผู้เล่นดึงทักษะการขับขี่และความรู้เรื่องรถนำออกมาใช้ให้มากที่สุด ซึ่งในเรื่องพวกนี้เราคงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณอะไรให้เสียเวลา เพราะชื่อเสียงด้านนี้ล้วนต่างเป็นที่ยอมรับและทราบดีกันอยู่แล้ว

ส่วนความน่าสนใจของภาคนี้จะแบ่งออกได้เป็นสองส่วนหลัก ๆ คือ โหมดออนไลน์ กับ โหมดออฟไลน์

Gran Turismo Sport

โหมดออนไลน์

โหมดออนไลน์ คือจุดที่อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ Gran Turismo Sport กลายเป็นภาคพิเศษแทนที่จะเป็นภาคที่ 7 เพราะสิ่งที่แตกต่างก็คือการเข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ ตัวเกมจะต้องต่อเน็ตแบบตลอดเวลา มีเพียงโหมด อาเขต เท่านั้น ที่สามารถเล่นได้โดยไม่พึ่งพาอินเทอร์เน็ต ซึ่งถ้าหากไม่มีสัญญาณคุณก็จะไม่สามารถ save ข้อมูลต่าง ๆ ในโหมดออนไลน์ได้เลย

ขณะเดียวกันหากคุณไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ สังคมการแข่งขันบนโลกยานยนต์ในโหมด Sport ก็เป็นอะไรที่เปิดกว้างและรอต้อนรับคุณอยู่ตลอดเวลา เพราะภายในมีผู้เล่นทั่วโลกที่ต่างหาความสนุกกับการวัดระดับรถและทักษะการขับขี่กันอย่างคับคั่ง แถมยังมีการแบ่งคลาสเพื่อจัดกลุ่มผู้เล่นระดับต่าง ๆ ตั้งแต่คลาส E,D,C,B,A รวมไปถึงการแข่งขันแบบ Champion ship ที่มาเป็นตัวการันตีถึงความสามารถที่แท้จริงเฉพาะบุคคลนั้น ๆ อย่างไรก็ตามแม้เกมจะมีความจริงจังแต่ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาป่วนได้ง่าย ๆ เพราะในเกมมีระบบค่า DR ( Driver Rating ) กับค่า SR ( Sportsmanship Rating ) มาเป็นตัวกำกับ หากผู้เล่นคนไหนชนคู่แข่งในโหมด Sports บ่อย ค่า SR ก็จะถูกหักออกไปทำให้ง่ายต่อการตรวจสอบพฤติกรรมล่วงหน้าของเพื่อนรวมห้องได้นั่นเอง

แต่ถ้าไม่อยากซีเรียสอะไรมากเกมก็ยังมีโหมด Lobby ที่คุณสามารถสร้างห้องและตั้งกฏกติกาได้ตามใจสำหรับเล่นกับคนรู้จัก หรือถ้าเบื่อ ๆ จะเข้าไป Join กับ Lobby ห้องคนอื่นก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน

Gran Turismo Sport

โหมดออฟไลน์

แม้ อาเขต จะไม่ได้เชื่อมต่อกับสังคมภายนอก แต่ผู้เล่นก็ยังเพลิดเพลินกับโหมดมากมายที่มีมาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็น Single Race ( แข่งกับบอท ), Time Trial ( แข่งทำเวลา ) , โหมด Drift โหมดทำภารกิจ และยังมีระบบแบ่งหน้าจอมาไว้เล่นกับเพื่อนได้อีกด้วย ซึ่งหลัก ๆ แล้วโหมดนี้จะเหมาะสำหรับเล่นเก็บเลเวลหรือเล่นเพื่อปลดล็อครถใหม่เป็นหลักมากกว่า 

นอกจากนี้แล้วเกมแข่งรถเหมือนจริงภาคใหม่อย่าง Gran Turismo Sport ยังเป็นเกมที่พยายามนำเสนอเรื่องการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการยกระดับงานภาพให้สวยงามมากกว่าเกมไหน ๆ ผ่านการนำเสนอบนโหมดถ่ายภาพที่ทุกแสงเงาล้วนมีการประมวลผลออกมาให้ตรงกับความเป็นจริงมากที่สุด เพื่อที่ผู้เล่นจะสามารถนำรถคันโปรดมาถ่ายกับฉากสถานที่แห่งต่าง ๆ บนโลกที่เกมจัดมาให้ได้ตามต้องการ รวมไปถึงการรองรับ PSVR ที่จะทำให้ทุกการขับขี่ของคุณได้รับอรรถรสแบบเต็มประสิทธิภาพ

 

 

เขียนโดย : นายล้อหมุน

Categories
บทความทั่วไป

เกิดมาเพื่อจับพวงมาลัย กับ 4 เกมรถแนว Simulator ชื่อดังที่เหมาะสำหรับเล่นร่วมกับอุปกรณ์เสริมมากที่สุด

เพราะรถกับความเร็วคือความฟันที่ผู้ชายหลายคนต่างหลงใหล แต่เพราะเรื่องของค่าใช้จ่ายที่กลายเป็นกำแพงให้บางคนยากแก่การเอื้อมรถในฝันเหล่านี้ โดยเฉพาะ feeling การขับขี่ที่ถือเป็นเรื่องยากที่จะเข้าถึงหากไม่เคยได้ลองขับมันจริง ๆ แต่ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีวงการเกม Simulator ที่ไม่ได้มอบแค่ความบันเทิงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันยังสามารถจำลองสภาพแวดล้อมการขับขี่ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมในแบบฉบับเกมแข่งรถเหมือนจริง ทำให้เหล่าชายช่างฝันทั้งหลายไม่ต้องหาเงินมาถอยรถเป็นคัน ก็สามารถเข้าถึงฟิลการขับขี่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ส่วนเกมที่ได้ชื่อว่าเป็นเกมระดับแนวหน้าในวงการเกมแข่งรถเหมือนจริงมีอยู่ด้วยกันดังต่อไปนี้

Gran Turismo

1.Gran Turismo

เป็นเกมที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดของวงการ ถึงความเป็นตำนานที่บุกเบิกแนวเกม Simulator มาตั้งแต่ยุค PS1 ซึ่งตัวเกมก็ยังคงแนวแน่ในการนำเสนอเนื้อหาจำลองการขับขี่ออกมาให้สมจริงมากที่สุด รวมไปทั้งการปรับแต่งรถ และรูปแบบการเล่นในสนามที่จำลองมาจากสถานที่ชื่อดังต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลก ทั้งทางเรียบและทางฝุ่น จนกระทั่งในปี 2017 ตัวเกมก็ได้ออกภาค Sport โดยมันถือเป็นภาคแรกที่เน้นการทำขึ้นเพื่อแข่งขันกันในเวที E-sports โดยเฉพาะ ภายใต้การร่วมมืออย่างเป็นทางการของ FIA ( สหพันธ์รถยนต์ระหว่างประเทศ ) ส่วนภาคใหม่ล่าสุดอย่าง Gran Turismo 7 ก็กำลังจะออกตามมาในปี 2021 นี้ด้วยเช่นเดียวกัน

Forza

2.Forza

ว่ากันว่ามันเป็นเกมที่ทำมาเพื่อแข่งขันกับ Gran Turismo โดยตรง แถมยังเป็นเกมแข่งรถสมจริงที่ทำมาสำหรับ Xbox ด้วยอีกต่างหาก ( Gran Turismo ทำมาสำหรับ Playstation ) ซึ่งหลาย ๆ อย่างของตัวเกมค่อนข้างมีความใกล้เคียงกัน ต่างกันตรงที่ Forza มีซี่รี่ย์แยกอย่าง Forza Horizon ที่เป็นภาคสำหรับให้ผู้เล่นได้ซิ่งกันนอกสนาม ภายใต้ลายละเอียดการขับขี่ที่ยังคงความสมจริงเหมือนอยู่เช่นเดิม

DiRT Rally

3.DiRT Rally

นับเป็นเกมที่เหมาะสำหรับการใช้อุปกรณ์เสริมมากที่สุด เพราะความโหดหินของระบบการตัวเกมที่ทำให้ผู้เล่นจำเป็นจะต้องใช้ทักษะการขับขี่ขั้นสูงในการประคองรถเพื่อไม่ให้รถไป ” ชน ” หรือ ” พลิกคว่ำ ” ตกข้างทาง เนื่องจากรูปแบบการแข่งจะเป็นการแล่นบนเส้นทางคดเคี้ยวอันสุดหฤโหด ดังนั้นการใช้จอยคอนโทรลเลอร์และคีย์บอร์ดอาจทำให้การทำเวลาในสนามของคุณ ไม่ได้เข้าถึงความมันส์มากเท่าที่ควร 

Spintires

4.Spintires

หากจะเรียกว่าเกมแข่งรถอาจจะไม่ตรงตัวซะทีเดียว เพราะเนื้อหาหลักของเกมนี้คือการพารถไปให้ถึงยังจุดมุ่งหมายของภารกิจ แต่สิ่งที่ทำให้มันได้มาอยู่ในบทความนี้ ก็คือความเหมาะสมในการเล่นผ่านชุดอุปกรณ์เสริมชุดจอยพวงมาลัย เนื่องจากความโดดเด่นของตัวเกมคือระบบการขับขี่บนเส้นทางแบบ ” ออฟโรด ” ที่จะพาไปรู้จักกับความท้าทายในการขับขึ้นเขาลุยโคลน ฝ่าอุปสรรคเส้นทางต่าง ๆ กลางป่าเขา ภายใต้กฎฟิสิกส์อันสมจริง ดังนั้นการหันทิศทางพวงมาลัยและเหยียบคันเร่งให้ตรงจังหวะ จึงเป็นสิ่งที่ให้ฟิลการขับขี่ที่ดีกว่าอย่างแน่นอน เพื่อที่จะข้ามสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ระหว่างทางได้สะดวก

 

 

 

เขียนโดย : นายล้อหมุน