สินค้า simulator

กิจกรรม

การแข่งขัน

แนะนำอุปกรณ์

ทดลองอุปกรณ์

Categories
บทความทั่วไป

Isuzu mu-x รถครอบครัว 7 ที่นั่งตัวฮิตจาก Isuzu

Isuzu mu-x

Isuzu mu-x รุ่นปี 2023 นับว่าเป็นรถครอบครัวรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Isuzu ที่เราเชื่อว่าหากใครที่กำลังตามหารถครอบครัว ราคาไม่แรงรถรุ่นนี้อาจจะเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ ซึ่งสเปค และ ข้อมูลต่าง ๆ ของรถรุ่นนี้จะน่าสนใจขนาดไหน วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูพร้อมกัน

สเปคของ Isuzu mu-x รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมเครื่องยนต์ 3.0 และ 1.9 

Isuzu mu-x

สำหรับIsuzu mu-x เป็นรถ SUV หรือ รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 2 ประเภท ได้แก่ เครื่องยนต์ 3.0 Ddi Blue Power และ 1.9 Ddi Blue Power Gen 2 และ 6 รุ่นย่อย 1.9 Active, 1.9 Elegant,  3.0 Elegant, 1.9 Ultimate, 3.0 Ultimate และ 3.0 Ultimate 4WD โดยจะมีทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ 

โดย The New Mu – X ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 3.0 Ddi Blue Power จะให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร และ เครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power Gen 2 ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร และสำหรับรุ่น 3.0 Ultimate 4WD ซึ่งเป็นรุ่นท้อปเครื่องยนต์จะมี 4 สูบ แถวเรียง 16 วาลว DOHC ระบายความรอนดวยนํ้า 2,999 ซีซี กำลังสูงสุด 190 แรงม้า 140 กิโลวัตติ์ ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน – เมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบต่อนาที ระบบขับเคลื่อน 4 ลอ เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พรอม Rev Tronic 

Isuzu mu-x

มิติของตัวรถ Isuzu mu x ตัวใหม่ รุ่นท้อปสุดจะมาพร้อมขนาด 4,850 x 1,870 x 1,875 มม.  ซึ่งจะมีความสูงกว่ารุ่นรองเล็กน้อยเท่านั้น ฐานลอ 2,855 มม. อัลลอย 20 นิ้ว และการตกแต่งภายใน รวมไปถึงระบบความบันเทิงต่าง ๆ Mu – X 2023 มาพร้อมพวงมาลัยแบบแร็คแอนดพิเนียนพรอมเพาเวอรชวยผอนแรง หุ้มหนัง ปรับระดับ 4 ทิศทาง (สูง – ต่ำ, เข้า – ออก) มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Full Speed Range Adaptive Cruise Control) เบาะนั่งแถว 1 – 2 หุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ CoolMax และ แถวที่ 3 หุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ โดยเบาะคันขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และ เบาะผู้โดยสารข้างคนขับปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง  เบาะแถว 2 สามารถปรับเอนและพับได้ 60:40 พร้อมที่พักแขนและช่องวางแก้ว และเบาะแถว 3 สามารถปรับเอนและพับได้ 50:50

นอกจากนี้ยังมาพร้อมหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว ที่รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto มีระบบเชื่อมต่อ Bluetooth ระบบ Wi-Fi Mirroring และช่องเชื่อมต่อ USB และ AUX ติดตั้งลำโพง พร้อมทวีตเตอร์หน้า – หลัง 8 ตำแหน่ง ติดตั้งแผ่นกรอง PM 2.5 ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าเสริม DC 12V 2 ตำแหน่ง ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าเสริม AC 220V และ USB Charger 2 ตำแหน่ง เป็นต้น

Isuzu MU-X2023 ราคา เริ่มต้นเพียง 1,166,000 บาท พร้อมให้ทุกคนเป็นเจ้าของแล้ว

สำหรับIsuzu mu-x รุ่นปี 2023 – 2024 พร้อมให้ทุกคนเป็นเจ้าของแล้ววันนี้ โดยรุ่นเริ่มต้นจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1,166,000 บาท แต่สำหรับ รุ่น 3.0 Ultimate 4WD ที่เราได้นำสเปคและข้อมูลมาฝากเพื่น ๆ ในวันนี้ จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1,639,000 บาท ซึ่งIsuzu mu-x 2023 รุ่นเริ่มต้นจะมีสีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ เงินโบฮีเมียน เมทัลลิก และ ขาวมุกโดโลไมท์ (+12,000 บาท) ส่วนรุ่นอื่น ๆ จะมีสีให้เลือกมากถึง 6 สี ได้แก่ แดงเอทนา ไมก้า, น้ำเงินกลาเซียร์ ไมก้า, เงินโบฮีเมียน เมทัลลิก, เงินไอซ์เบิร์ก ไมก้า, ดำบาวาเรียน รวมไปถึง 2 สีในรุ่นเริ่มต้นด้วย

อ่านบทความข่าวสารรถยนตร์ >> Suzuki Ertiga Smart Hybrid รถ MPV 7 ที่นั่งรุ่นใหม่จาก Suzuki

10 อันดับ ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี ราคาถูก ประจำปี 2566 ทนทาน กับทุกสภาพถนน และยึดเกาะถนนได้ดี

Categories
บทความทั่วไป

24 hours of le mans เตรียมลงสนามกลางปี 2023 นี้

24 hours of le mans

24 hours of le mans เป็นการแข่งขันที่เรียกว่า ดุเดือดที่สุดอีกรายการหนึ่งเลยก็ว่าได้ เนื่องจากการแข่งขันนี้จะเป็นการแข่งขันรถยนต์ด้วยความเร็วสูงต่อเนื่องกันเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ซึ่งงานนี้นอกจากนักแข่งที่ต้องอึดสุด ๆ แล้ว รถที่ใช้แข่งก็ต้องอึดไม่แพ้กันอีกด้วย

ประวัติศาสตร์ 100 ปี 24 hours of le mans 

24 hours of le mans

24 hours of le mans หรือ 24 Heures du Mans คือการแข่งขันรถยนต์สมรรถนะสูงที่จะแข่งขันด้วยความเร็วสูงตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งการแข่งขันนี้จะเป็นการแข่งขันเพื่อทดสอบความอึดของทั้งนักแข่ง และของตัวรถ ที่จะแข่งขันบนสนาม Circuit 24 Hours of Le Mans (มี Bugatti Circuit เป็นส่วนหนึ่งของสนาม) ซึ่งประวัติศาสตร์ของ Le Mans 24 Hours เริ่มต้นครั้งแรกในปี 1923 หรือย้อนไปเมื่อ 100 ปีที่แล้ว ที่ก่อตั้งขึ้นโดย Automobile Club de l’Ouest องค์กรด้านยานยนต์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1906 

การแข่งขันครั้งแรกจัดขึ้นในวันที่ 26 – 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1923 ที่สนามแข่งรถใกล้กับเมืองเลอมองส์(Le Mans) ซึ่งจุดประสงค์ของการแข่งขันก็เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมทางเทคนิค และการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ และในปี 2024 ที่จะถึงนี้ ACO (Automobile Club de l’Ouest) ได้สร้างความท้าทายใหม่ให้กับตัวเอง นั่นคือ Mission H24 โดยมีเป้าหมายที่จะส่งรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฮโดรเจน ซึ่งนับว่าเป็นอะไรที่ท้าทาย และน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง

สนามแข่ง 24Hours of Le Mans (Circuit 24Hours of Le Mans) จะมีจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งตรงที่จะมีถนนสาธารณะมาเป็นส่วนหนึ่งของสนามแข่ง โดยสนามจะเริ่มตั้งแต่ Pit Straight ไปจนถึง Dunlop Chicane, Forest Esses, Mulsanne และ Ford Chicane ซึ่งวงจร 24Hours of Le Mans ได้รับการออกแบบมาสำหรับรถที่ใช้ความสนามแข่ง 24Hours of Le Mans (Circuit 24Hours of Le Mans) จะมีจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งตรงที่จะมีถนนสาธารณะมาเป็นส่วนหนึ่งของสนามแข่ง โดยสนามจะเริ่มตั้งแต่ Pit Straight ไปจนถึง Dunlop Chicane, Forest Esses, Mulsanne และ Ford Chicane ซึ่งวงจร 24Hours of Le Mans ได้รับการออกแบบมาสำหรับรถที่ใช้ความความเร็วสูง แต่ถึงอย่างนั้นสนามแห่งนี้ก็ได้รับการออกแบบและพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้เข้าแข่งขันได้รับความปลอดภัยสูงสุด และตอนนี้ Circuit 24Hours of Le Mans จะมีความยาวอยู่ที่ 13.626 กม. และสำหรับ 2020 24hours of le mans ที่ผ่านมา มีรถเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 59 คัน พร้อมคนขับ 177 คน ซึ่งในจำนวนนั้นมีนักแข่งหญิงถึง 6 คน จาก 30 ประเทศ โดยบริเตนใหญ่ (Great Britain) เป็นประเทศมีจำนวนนักแข่งเข้าร่วมสูงสุดถึง 8 ทีมด้วยกัน

เร็วสูง แต่ถึงอย่างนั้นสนามแห่งนี้ก็ได้รับการออกแบบและพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้เข้าแข่งขันได้รับความปลอดภัยสูงสุด และตอนนี้ Circuit 24Hours of Le Mans จะมีความยาวอยู่ที่ 13.626 กม. และสำหรับ 2020 24hours of le mans ที่ผ่านมา มีรถเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 59 คัน พร้อมคนขับ 177 คน ซึ่งในจำนวนนั้นมีนักแข่งหญิงถึง 6 คน จาก 30 ประเทศ โดยบริเตนใหญ่ (Great Britain) เป็นประเทศมีจำนวนนักแข่งเข้าร่วมสูงสุดถึง 8 ทีมด้วยกัน

24hours of le mans 2023 พร้อมปะทะความมันแล้ว 10 – 11 มิถุนายนนี้

สำหรับการแข่งขัน 24hours of le mans ปี 2023 นี้ จะเริ่มต้นการแข่งขันอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 – 11 มิถุนายน 2023 โดยจะเริ่มขึ้นในเวลา 09:30 – 11:30 น. Courses Support จนกระทั่งเวลา 16:00 น. 24 ชั่วโมงของเลอมังส์ เริ่มปล่อยตัว ณ จุดสตาร์ท และ จะสิ้นสุดในวันที่ 11 มิถุนายน 2023 ในเวลา 16:00 น. ซึ่งจะเป็นเวลา 24 ชั่วโมงพอดี นอกจากนี้สำหรับตั๋วเข้าชมการแข่งขันของวันที่ 10 – 11 มิถุนายนนั้นถูกจำหน่ายหมดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (Sold Out) 

โดยจะเหลือเพียงตั๋ว Entrance (TEST DAY A…) วันจันทร์ที่ 5 ราคา 26 ยูโร, Admission Practice (WEDNESDAY) วันพฤหัสบดีที่ 8 ราคา 41 ยูโร, Admission Practice (THURSDAY) วันศุกร์ที่ 9 ราคา 49 ยูโร, Admission Practice (2 DAYS) วันพฤหัสบดีที่ 8 – วันศุกร์ที่ 9 ราคา 56 ยูโร และ บัตรจอดรถในวันที่ 8 15 ยูโร นอกจากนี้สำหรับก่อนการแข่งขัน และระหว่างการแข่งขัน ภายในงานยังมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะจัดขึ้นตลอดทั้งงาน รวมถึงคอนเสิร์ตให้ผู้เข้าชมได้สนุกสนานและผ่อนคลายตลอดการแข่งขัน 

อ่านบทความข่าวสารรถอื่น ๆ >> AF Corse ยืนยันใช้ new Ferrari 296 GT3 ในการแข่งขัน Fanatec GT

10 อันดับ ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี ราคาถูก ประจำปี 2566 ทนทาน กับทุกสภาพถนน และยึดเกาะถนนได้ดี

Categories
บทความทั่วไป

AF Corse ยืนยันใช้ new Ferrari 296 GT3 ในการแข่งขัน Fanatec GT

new Ferrari 296 GT3

การแข่งขัน Fanatec GT World Challenge Europe Powered เป็นการแข่งขันรถยนต์สมรรถนะสูง ที่ต่อยอดจาก Blancpain Endurance Series ในปี 2011 โดยรถที่จะสามารถนำลงมาแข่งขันได้นั้นจะต้องเป็นรถที่อยู่ในตระกูล GT3 เช่นเดียวกับ การแข่งขัน Formula 1 ที่จะมีกฎเกณฑ์ที่กำหนดโดย FIA ที่จะบังคับ และ ระบุไว้ชัดเจนว่ารถแบบใดจึงจะใช้ลงแข่งได้ ซึ่งล่าสุด AF Corse ได้ยืนยันแล้วว่าในปีนี้ทีมจะใช้ new Ferrari 296 GT3 สำหรับลงแข่งขันในครั้งนี้

new Ferrari 296 GT3 ม้าลำพองที่เตรียมผงาดใน Fanatec GT World 2023

new Ferrari 296 GT3

newFerrari 296 GT3 เป็นรถแข่งที่ทีม AF Corse ของอิตาลี เลือกใช้ในการแข่งขัน Fanatec GT World 2023 ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 7 – 8 มีนาคม 2023 ที่จะถึงนี้ โดยทีมอิตาลีเลือกใช้รถของ Ferrari ตั้งแต่เปิดตัวซีรีส์ในปี 2011 และในปีนี้ทาง AF Corse ก็ยังคงจับมือกับ Ferrari และ AF Corse เป็นทีมแรกที่ยืนยันโปรแกรมอย่างเป็นทางการในปี 2023 ว่าจะใช้ Ferrari 296 GT3 ลงแข่งในครั้งนี้ ซึ่งทางทีมคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า Ferrari GT3 คันใหม่นี้จะพาทีมคว้าชัยชนะมาได้อีกครั้ง โดยในปี 2022 ที่ผ่านมา AF Corse เลือกใช้ 488 GT3 ในการแข่งขัน ซึ่งเป็นรถที่ประสบความสำเร็จอย่างมากระหว่างปี 2016 – 2022 รวมถึงชัยชนะโดยรวมในรายการ CrowdStrike 24 Hours of Spa ในปี 2021 ที่เรียกได้ว่าทำออกมาได้อย่างสวยงาม และยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง 

สำหรับ Ferrari 296 GT3 เป็นรถแข่งที่มาพร้อม เครื่องยนต์ GDI Turbo V6 4 วาล์วต่อสูบ 2,992 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุด 600 แรงม้า ที่ 7250 รอบต่อนาที แรงบิด 712 นิวตันเมตร ที่ 5,500 รอบต่อนาที กระปุกเกียร์      ซีเควนเชียล 6 สปีด E-Clutch Actuator พร้อมแพดเดิ้ลบนพวงมาลัย และ กล่องเกียร์แมกนีเซียมพร้อมถังดักน้ำมันในตัว นอกจากนี้ Ferrari 296 GT3 ยังเป็นรถที่พัฒนามาจาก Ferrari 296 GTB 2022 อีกด้วย

การออกแบบแชสซี ที่พัฒนาจาก Ferrari 488 GT3

newFerrari 296 GT3 นอกจากจะเป็นรถที่ถูกพัฒนามาจาก Ferrari 296 GTB แล้ว ในส่วนของแชสซียังดึงเอาประสบการณ์จากการพัฒนา 488 GT3 มาใช้ โดยวิศวกรของ Ferrari ต้องการรักษาคุณลักษณะบางอย่างที่ทำให้ 488 GT3 เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานใน การแข่งรถ GT3 อีกทั้งยังออกแบบให้สามารถขับขี่ได้ง่าย และยังใช้ประโยชน์จากศักยภาพการยึดเกาะของยางได้โดยไม่ลดทอนความสมบูรณ์ของยาง ซึ่งในจุดนี้จะส่งผลดีต่อประสิทธิภาพของตัวรถ อีกทั้ง 296 GT3 แชสซียังมีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษอีกด้วย และนอกจากนี้โครงสร้างของตัวรถยังถูกออกแบบมาให้มีความปลอดภัยสูง เพื่อป้องกันการเกิดความเสียหายแก่ตัวนักแข่ง โดยในเรื่อง safety structure ได้รับการออกแบบอย่างระมัดระวังโดยใช้การจำลอง เทคโนโลยี และการวิจัยที่เป็นนวัตกรรมใหม่อีกด้วย

อ่านบทความอื่น ๆ >> Monster Jam Steel Titans 2 เกมแข่งรถลุย ๆ ความมันทะลุจอ

10 อันดับ ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี ราคาถูก ประจำปี 2566 ทนทาน กับทุกสภาพถนน และยึดเกาะถนนได้ดี

Categories
บทความทั่วไป

Monster Jam Steel Titans 2 เกมแข่งรถลุย ๆ ความมันทะลุจอ

Monster Jam Steel Titans 2

Monster Jam Steel Titans 2 เป็นเกมแข่งรถที่พัฒนาโดย Rainbow Studios ซึ่งเป็นค่าเกมที่พัฒนาเกมแข่งรถแนววิบากออกมามากมายด้วยกัน และล่าสุดสำหรับปี 2021 ทางสตูดิโอได้ปล่อยเกม Monster Jam Steel Titans2 ออกมาให้เพื่อน ๆ ได้ดาวน์โหลดอย่างเป็นทางการ ซึ่งเกมนี้เป็นอีกหนึ่งเกมแข่งรถที่เราอยากแนะนำให้กับเพื่อน ๆ ที่ชื่นชอบเกมแข่งรถแนววิบากทุกคน โดยรถที่เราจะต้องใช้แข่งภายในเกมนี้จะเป็นรถบิ๊กฟุตในการแข่งขัน และแน่นอนว่ายิ่งช่วยสร้างบรรยากาศในการแข่งขันให้มันขึ้นกว่าที่เคยอย่างแน่นอน

Monster Jam Steel Titans 2

รีวิว Monster Jam Steel Titans 2 เกมคอนโซลที่มาพร้อม Map สุดโหด 

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากเล่นเกมแข่งรถมัน ๆ ที่มาพร้อม Map สุดโหด Monster Jam Steel Titans2 อาจจะเป็นอีกเกมหนึ่งที่คุณกำลังตามหา ซึ่งตามที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่า เกมนี้เป็น เกมแข่งรถบิ๊กฟุต ที่คุณจะได้พบกับ Map สุดหฤหรรษ์หลากหลาย Map เช่น Camp Crushmore, Bark Park, Highlands, Haunted Forest และ Wastelands เป็นต้น อีกทั้งยังมาพร้อม 5 โหมดให้คุณสามารถเลือกเล่นได้ตามความต้องการ คือ Head-to-Head Stadium, Circuit Racing, Waypoint, Timed Destruction และ Freestyle Stadium ซึ่งแต่ละโหมดก็จะมีภารกิจให้คุณได้ทำที่แตกต่างกันออกไป 

นอกจากนี้ Monster Jam ยังมีโหมด online multiplayer ที่สามารถร่วมแข่งขันกับเพื่อน ๆ จากหลายประเทศทั่วโลกได้ด้วย อีกทั้งเกมนี้ยังมีรถให้เลือกเล่นถึง 38 คัน และมีสนามกลางแจ้งอีก 5 สนามให้คุณสามารถใช้เป็นสนามฝึกก่อนการลงแข่งขันจริง หรือหาใครที่อยากโชว์สกิลการขับรถบิ๊กฟุตบน Monster Jam game ด้วยการแสดงท่าท่าต่าง ๆ เช่น Bicycles, Stoppies, Moonwalks, Walk Its, Cyclones, Pogos, Power Outs และ Back-Flips ก็สามารถทำได้เช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นเกมแข่งรถให้มาครบจริง ๆ 

ราคาและแพลตฟอร์มที่รองรับเกม Monster Jam Steel Titans

Monster Jam Steel Titans2 เป็นเกมแข่งรถคอนโซลที่รองรับหลายแพลตฟอร์มด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น PC บน Steam และ Epic Games, Xbox (Xbox One, Xbox Series X|S), Nintendo Switch และ PlayStation 4 โดยราคาของแต่ละแพล็ตฟอร์มมีดังนี้ บน Steam และ Epic Games ราคา 560 บาท, บน Xbox ราคา $39.99, Monster Jam Steel Titans2 Switch ลดราคาสูงสุด 45% จาก $39.99 เหลือเพียง $21.99 (สิ้นสุด1/15/2023) และสำหรับราคา Monster Jam Steel Titans2 PS4 อยู่ที่ 1,380 บาทเท่านั้น นอกจากนี้บนแต่ละแพลตฟอร์มยังมีโปรโมชั่นสำหรับชุดเกมแบบอื่น ๆ ให้คุณสามารถเลือกซื้ออีกมากมาย ดังนั้นใครที่มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่รองรับเกมตามที่เราได้กล่าวไปในข้างต้น ก็สามารถเข้าไปดาวน์โหลดเกมบนเว็บไซต์ของแต่ละแพลตฟอร์มได้เลย

อ่านบทความอื่น ๆ >> Toyota Hilux Revo BEV คอนเซปต์คาร์กระบะไฟฟ้า จาก Toyota

10 อันดับ ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี ราคาถูก ประจำปี 2566 ทนทาน กับทุกสภาพถนน และยึดเกาะถนนได้ดี

Categories
บทความทั่วไป

Toyota Hilux Revo BEV คอนเซปต์คาร์กระบะไฟฟ้า จาก Toyota

Toyota Hilux Revo EV

Toyota Hilux Revo BEV เป็นรถกระบะไฟฟ้ารุ่นแรก ที่ทางToyota เปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในงาน “โตโยต้า ฉลองการดำเนินงานในประเทศไทยครบ 60 ปี” ที่เกิดขึ้นในวันที่ 14 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมี คุณอากิโอะ โตโยดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และ คุณโนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เป็นผู้เปิดงาน และภายในงานได้มีการเปิดตัวรถกระบะ 2 รุ่น ได้แก่Toyota IMV-0 และToyota Hilux Revo BEV ที่เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกันในวันนี้ด้วย

Toyota Hilux Revo BEV คอนเซปต์คาร์ที่จะตีตลาดต่อจาก Toyota bz4x 2023

Toyota Hilux Revo EV

สำหรับ Toyota Hilux Revo BEVมีชื่ออย่างเป็นทางการว่าToyota Hilux Revo BEVโดนรถรุ่นนี้จะมีดีไซน์คล้ายกันกับHilux Revo รถกระบะเครื่องยนต์สันดาปที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน แต่ในส่วนของกระจังหน้าก็จะมีความเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเห็นได้ชัด ด้วยกระจังหน้าแบบปิด และ รถกระบะไฟฟ้า รุ่นนี้คาดว่าจะมีการติดตั้งมอเตอร์ไว้ที่เพลาท้าย และคาดว่าจะใช้แบตเตอรี่ความจุประมาณ 60 kWH แต่ทั้งนี้ข้อมูลในส่วนของสเปค และ พละกำลังของHilux Revo BEVยังไม่ถูกเปิดเผยออกมาแต่อย่างไร เนื่องจากปัจจุบันรถรุ่นนี้ยังเป็นเพียงคอนเซปต์คาร์เท่านั้น แต่เนื่องด้วยภาพลักษณ์ของHilux Revo เป็นรถที่ใช้เพื่อการพาณิชย์ ดังนั้นเราจึงค่อนข้างที่จะคาดหวังว่า รถรุ่นนี้จะต้องเป็นรถที่พร้อมในการใช้งานประเภทต่าง ๆ เช่นการบรรทุกสินค้า อยู่พอสมควร

นอกจากนี้ Toyota นับว่าเป็นแบรนด์แรก ๆ ที่มีการพัฒนารถยนต์ระบบไฟฟ้า แต่ก็ค่อนข้างที่จะเปิดตัว และวางจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าออกมาค่อนข้างช้าพอสมควร เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น ๆ จนกระทั่งในปลายปี 2022 ที่ผ่านมา ทาง Toyota ก็ได้เปิดตัวและเปิดให้จอง Toyota bz4x 2023 ซึ่งนับว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของแบรนด์ และ ตามมาด้วย Toyota Hilux Revo EV รุ่นนี้ ซึ่งแน่นอนว่า Toyota ก็ไม่หยุดแค่นั้นอย่างแน่นอน 

Toyota IMV-0 รถกระบะบรรทุกของตัวจริง ที่จะเปิดตัวกลางปีนี้

ภายในงาน “โตโยต้า ฉลองการดำเนินงานในประเทศไทยครบ 60 ปี” จะเปิดตัวToyota Hilux Revo BEVแล้วToyota ยังได้เปิดตัวคอนเซปต์คาร์อีกหนึ่งรุ่นที่มีชื่อว่า“Toyota IMV-0” โดยรถรุ่นนี้คาดว่าจะถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการในกลางปี 2023 นี้ ซึ่งรถรุ่นนี้จะถูกออกแบบให้เป็นรถที่ใช้บรรทุกของได้หลากหลายประเภทมากยิ่งขึ้น โดยลูกค้าสามารถออกแบบรูปแบบการใช้งานของ รถกระบะโตโยต้า รุ่นนี้ได้ด้วยตัวเองเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละคนมากที่สุด 

อ่านบทความอื่น ๆ >> Honda e:NS1 รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่คาดว่าจะเข้าไปในปี 2023 นี้

10 อันดับ ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี ราคาถูก ประจำปี 2566 ทนทาน กับทุกสภาพถนน และยึดเกาะถนนได้ดี

Categories
บทความทั่วไป

Honda e:NS1 รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่คาดว่าจะเข้าไปในปี 2023 นี้

Honda e:NS1

Honda e:NS1 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ทาง Honda คาดว่าจะนำเข้ามาในเมืองไทยอย่างเป็นทางการภายในปี 2023 นี้ โดยรถรุ่นนี้ถูกนำมาเผยโฉมให้เห็นครั้งแรกในงาน Motor Expo 2022 ที่ถูกจัดขึ้นเมื่อปลายปี 2022 และ Honda ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตรถยนต์ที่แฟน ๆ ชาวไทยให้การต้อนรับอย่างดีเสมอมา

Honda e:NS1 รถ SUV ที่เปิดตัวมาพร้อม 2 รุ่นย่อย 

Honda e:NS1ถูกเปิดตัวมาพร้อมHonda e:NP1 ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า SUV 100% โดย e:NS1เปิดตัวมาพร้อม 2 รุ่นย่อย ได้แก่ Standard Range และ Long range ซึ่ง Standard Range มอเตอร์ไฟฟ้า AC synchronous Electric Motor ที่ให้กำลังสูงสุด 182 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตัน – เมตร Top Speed 150 กม. / ชม. ใช้แบตเตอรี่ขนาด 53.6 kWh รองรับการชาร์จกระแสสลับ AC 7.7 kWh (ชาร์จมาตรฐาน CLTC) ที่ทำให้วิ่งได้ระยะทางไกลสูงสุด 420 กิโลเมตร และมีระบบ Fast Charging ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0 – 80% ในเวลา 40 นาที

สำหรับรุ่น Long range ของ รถไฟฟ้า Honda มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า AC synchronous Electric Motor เช่นเดียวกับรุ่น Standard Range แต่สามารถให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน – เมตร Top Speed 150 กม. / ชม. แบตเตอรี่ขนาด 68.8 kWh รองรับการชาร์จกระแสสลับ AC 7.7 kWh (ชาร์จมาตรฐาน CLTC) ที่ทำให้วิ่งได้ระยะทางไกลสูงสุด 510 กิโลเมตร และมีระบบ Fast Charging ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0 – 80% ในเวลา 40 นาที 

ภายในของรถรุ่นนี้มีขนาดพอ ๆ กับ Honda HR-V แต่ในเรื่องของอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เรียกได้ว่าดูโดดเด่น และน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง โดยรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอกลางขนาด 15.1 นิ้ว (พอ ๆ กับ iPad เครื่องนึงเลยนะ) ที่ให้คุณสามารถควบคุมสิ่งต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านหน้าจอนี้จอเดียว อีกทั้งหลังคายังมี Sunroof ที่กว้างทำให้ในห้องโดยสารมีความโปร่ง และให้ความรู้สึกสบายระหว่างการเดินทาง

Honda e:NS1เข้าไทย ในปี 2023 นี้ และวางจำหน่ายใจจียแล้วเรียบร้อย

สำหรับHonda e:NS1 และ e:NP1 คาดว่าน่าจะนำเข้ามาจำหน่ายในไทย ภายในต้นปี 2023 นี้ ซึ่งในสวนของราคานั้นก็ยังไม่ถูกเปิดเผยออกมาแต่อย่างใด แต่ในขณะนี้ในประเทศจีน รถทั้ง 2 รุ่นนี้ถูกวางจำหน่ายไปตั้งแต่ปี 2022 แล้วเป็นที่เรียบร้อย โดยHonda e:NS1 ราคา อยู่ที่ราว ๆ 175,000 – 218,000 หยวน หรือประมาณ 846,171.27 – 1,054,087.64 บาท ซึ่งสำหรับ รถไฟฟ้า Honda HR-V ราคา ที่วางขายในไทยในปัจจุบัน มีราคาอยู่ที่ 979,000 บาท – 1,179,000 บาท ที่รุ่นเริ่มต้นมาพร้อมพละกำลัง 131 แรงม้า แรงบิด 253 นิวตัน – เมตร ดังนั้นเราจึงคาดว่าหาก Honda e:NS1 และ e:NP1 น่าจะมีราคาเริ่มต้นที่อาจจะสูงกว่านี้ แต่เราคาดเดาว่า อาจจะจะสูงกว่าเล็กน้อยเท่านั้น 

อ่านบทความอื่น ๆ >> Ferrari 125s รถยนต์คันแรกของแบรนด์ Ferrari 

10 อันดับ ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี ราคาถูก ประจำปี 2566 ทนทาน กับทุกสภาพถนน และยึดเกาะถนนได้ดี

Categories
บทความทั่วไป

Ferrari 125s รถยนต์คันแรกของแบรนด์ Ferrari 

Ferrari 125s

Ferrari 125s เป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นในปี ค.ศ. 1947 ซึ่งมี Auto Avio Costruzioni 815 เป็นรถต้นแบบซึ่ง Auto Avio Costruzioni 815 เป็นรถคันแรกที่ออกแบบและสร้างโดย Enzo Ferrari อดีตนักแข่งรถที่กลายมาเป็นผู้ก่อตั้ง Ferrari และทีม Scuderia Ferrari ที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้ โดย Ferrari 125s นับว่าเป็นรถคันแรกของแบรนด์ที่ถูกผลิตขึ้นอย่างเป็นทางการหลังจากที่ Enzo Ferrari ออกจาก Alfa Romeo ในปี ค.ศ. 1938 

Ferrari 125s ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 118 แรงม้า

Ferrari 125s

Ferrari 125s เปิดตัวมาพร้อมเครื่องยนต์ Gioacchino Colombo’s 1.5 ลิตร 1,497 ซีซี วาง 60° V12 ที่ให้กำลังสูงสุด 118 แรงม้า (87 กิโลวัตต์) ที่ 6,800 รอบต่อนาที เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และ 1947 Ferrari 125sที่ถูกผลิตขึ้นในยุคนั้นผลิตออกมาเพียง 2 คันเท่านั้น โดยชื่อ 125s นั้นเกิดจากการกระจัดของเครื่องยนต์ โดยนำ 125 X 12 จะได้ความจุลูกบาศก์ของเครื่องยนต์จริงที่มีอยู่เกือบ 1,500 ลูกบาศก์เซนติเมตร ส่วน “S” ย่อมาจาก “Sports bodywork”

โดย 125 S เปิดตัวครั้งแรกที่สนาม Circuito di Piacenza ซึ่งมี Franco Cortese นักแข่งรถชาวอิตาลี เป็นผู้ขับในตอนนั้น แต่เป็นที่น่าเสียดาย ที่ไม่สามารถจบการแข่งขันได้ แม้ว่าผลงานจะออกมาดีเมื่อเทียบกับ Maserati 6CS 1500s ที่โด่งดังเป็นอย่างยิ่งในยุคนั้น และ สองสัปดาห์ต่อมา 125 S คว้าชัยชนะครั้งแรกให้กับ Ferrari ในการแข่งขัน Grand Prix of Rome 1947 ที่ Terme di Caracalla Circuit และแน่นอนว่า Franco Cortese ก็เป็นผู้ขับในครั้งนั้นเช่นเดียวกัน โดยแซงหน้า Maserati ของ Guido Barbieri ได้มากกว่า 10 วินาที และ Stanguellini ของ Guido Scagliarini หนึ่งรอบ และชัยชนะในครั้งนั้น นับว่าเป็นชัยชนะอย่างเป็นทางการในครั้งแรกของ Ferrari และ Scuderia Ferrari 

 Ferrari 125 F1 รถแข่งที่เกิดก่อนการแข่งขัน F1 

หลังจากที่Ferrari 125s เปิดตัวและลงแข่งขันในรายการต่าง ๆ เป็นเวลา 1 ปีเต็ม จนกระทั่งในวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 1948 ทางFerrari ก็ได้เปิดตัว 125 F1 หรือFerrari 125 F1 ในการแข่งขัน Italian Grand Prix เป็นครั้งแรก โดยรุ่นนี้ก็มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 1.5 ลิตร เช่นเดียวกับFerrari 125s 

ในวันที่ 24 ตุลาคม 1948 ทางทีมได้ลงแข่งใน Circuito del Garda, Salò โดยแข่งทั้งหมด 3 คันด้วยกัน โดยมีนักแข่งคือ เจ้าชายพีระแห่งสยาม (พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช), นิโน ฟารินา และ เรย์มอนด์ ซอมเมอร์ ซึ่งได้อันดับสามในการแข่งขัน และในช่วงก่อนหน้านี้ก่อนที่รถรุ่นนี้จะได้นามสกุล F1 ภายในการแข่งขัน Gran Premio Città หรือ Grand Prix Compressore ซึ่งก่อนยุค Formula One รถรุ่นนี้ถูกเรียกว่าFerrari 125 GPC ซึ่งนอกจากFerrari 125s และFerrari 125 F1 จะสร้างตำนานและชัยชนะให้กับFerrari และFerrari 125 F1 ยังเป็นรถที่สร้างตำนานนักแข่ง F1 คนแรกให้กับประเทศไทยอีกด้วย 

Zhou Guanyu นักแข่ง F1 จีน คนแรกในวงการ F1 

10 อันดับ ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี ราคาถูก ประจำปี 2566 ทนทาน กับทุกสภาพถนน และยึดเกาะถนนได้ดี