สินค้า simulator

กิจกรรม

การแข่งขัน

แนะนำอุปกรณ์

ทดลองอุปกรณ์

Categories
บทความทั่วไป

Alphard นวัตกรรมทันสมัย อนาคตการขับขี่

Alphard

หากกล่าวถึงรถยนต์ Alphard จาก Toyota เราเชื่อว่าปัจจุบันแทบจะไม่มีใครไม่รู้จักอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในไทยรถยนต์รุ่นนี้ได้รับความนิยมสูงเป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้ทางผู้ผลิตได้มีการเปิดตัว รถยนต์ Alphard รุ่นใหม่ ๆ ถูกเปิดตัวออกมาเรื่อย ๆ ทำให้เราได้สัมผัสรถยนต์ Alphard ที่มาพร้อมเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่พิเศษไปกว่านั้นคือ ล่าสุดทางผู้พัฒนายังได้เปิดตัว Vellfire โฉมใหม่ที่มีความ Luxury ที่เปิดตัวมาเพื่อตอกย้ำความนิยมอย่างแท้จริง

ความหรูหราที่ทรงพลังของ Alphard 2023

Alphard นับว่าเป็นรถยนต์ MPV รุ่นฮิตของ Toyota ที่ครั้งนี้เดินทางมาถึง Alphard 2023 ที่ครั้งนี้ทางผู้ผลิตได้มีการปรับโฉมให้มีความ Luxury หรูหรา มากยิ่งขึ้น โดยเบาะทั้งหมดหุ้มด้วยหนัง Nappa แท้เกรดพรีเมี่ยม ตกแต่งด้วยหนังเทียม เปิดตัวมาพร้อม 2 รุ่นย่อยคือ 2.5 HEV และ 2.5 HEV Luxury ซึ่งทั้ง 2 เป็นระบบไฮบริดที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้า 134 kW. ทำให้รถรุ่นนี้แรงสุดถึง 250 แรงม้าเลยทีเดียว

Alphard

นวัตกรรมและเทคโนโลยี Alphard Hybrid

Alphard รุ่นใหม่นี้มาพร้อม เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่น่าสนใจมากมาย โดยบน Toyota Alphard 2023 จะมาพร้อมกระจกไฟฟ้าที่มาพร้อมระบบป้องกันการหนีบ, เซ็นเซอร์ช่วยจอดด้านหน้าและด้านหลัง 8 ตัว, ระบบควบคุมการทรงตัวของรถ, ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน, ระบบควบคุมการออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชันลดความเร็วขณะเข้าโค้ง และพิเศษสุด ๆ ด้วยกล้องมองรอบคันแบบพาโนรามา เป็นต้น

การรักษาดูแลและบำรุงรักษารถ Alphard 

Alphard Hybrid เป็นรถยนต์ที่มี 2 ขุมพลังคือเครื่องยนต์สันดาป และมอเตอร์ไฟฟ้า ดังนั้นการดูแล และการบำรุงรักษาจึงจะมีขั้นตอนหรือรายละเอียดต่าง ๆ มากกว่ารถยนต์สันดาปทั่วไปอย่างแน่นอน ซึ่งวันนี้เราได้รวบรวม 5 วิธีในการดูแล Alphard 2023 เบื้องต้นมาแนะนำทุกคนแล้ว โดยเฉพาะสาว ๆ ที่อาจจะไม่เก่งเรื่องการดูแลรถก็สามารถทำตามได้ง่าย ๆ

  • Toyota Alphard 2023 เป็นรถยนต์ไฮบริด การจอดรถตากแดดเป็นประจำนั้นจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น 
  • ควรนำรถไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะที่กำหนด เพราะจะเป็นการบำรุงรักษาระบบเครื่องยนต์ได้ดีที่สุด
  • สำหรับ Alphard Hybrid การใช้น้ำยาล้างกระจกควรเจือจางเฉพาะน้ำสะอาดเท่านั้น และไม่ควรใช้น้ำยาอื่น ๆ ผสม
  • ควรเปลี่ยนเมื่อรถมีกลิ่นอับหรือตามระยะที่กำหนด ซึ่งหากต้องเปลี่ยนเราแนะนำให้ดับเครื่องยนต์เสียก่อน
  • หากต้องเปลี่ยนฟิวส์แนะนำให้นำไปเปลี่ยนที่ศูนย์จะดีที่สุด

แนะนำระบบความปลอดภัย Alphard 

สำหรับ Alphard 2023 มาพร้อมระบบความปลอดภับ หรือ Safety ที่น่าสนใจหลายอย่างมาก ๆ แต่เราของยกตัวอย่างระบบความปลอดภัย 5 ระบบมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก โดยแต่ละระบบมีดังนี้

  • ระบบความปลอดภัยก่อนชน PCS 
  • ระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะ
  • ระบบเสริมความปลอดภัย SRS คู่หน้า/ด้านข้าง/ม่านด้านข้าง
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM และช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC

Alphard Hybrid ประหยัดพลังงานและสภาพแวดล้อม

Alphard 2023 มาพร้อมโหมดในการขับขี่ทั้งหมด 3 โหมดด้วยกัน ได้แก่ EV Mode, Normal Mode และ ECO Mode โดย การใช้งาน ในโหมด ECO Mode จะช่วยให้ Toyota Alphard 2023 ประหยัดพลังงานมากขึ้น เนื่องจาก ECO Mode จะเป็นโหมดที่เหมาะกับการขับขี่ในเมืองเป็นอย่างมาก เพราะการขับขี่ในเมืองจะไม่ต้องการการขับเร็ว ๆ ดังนั้นเมื่อเราเปิดโหมดนี้การตอบสนองของคันเร่งก็จะช้า และแอร์ในรถจะเบาลง จึงทำให้ประหยัดพลังงานของรถตามไปด้วยนั่นเอง

สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนซื้อ Toyota Alphard 2023

สำหรับใครที่กำลังจะตัดสินใจว่าซื้อ Toyota Alphard 2023 ดีไหม เราอยากแนะนำ หรืออยากให้พิจารณาให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ โดย Alphard จะมาพร้อมที่นั่ง 7 ที่นั่ง รองรับการติดตั้ง Car Seat (ISOFIX) 2 ตำแหน่งที่เบาะนั่งแถวกลาง ดังนั้นรถยนต์รุ่นนี้จึงจะเหมาะกับครอบครัวที่มีสมาชิกตั้งแต่ 4 – 7 คน ซึ่งเรารู้สึกว่า Alphard Hybrid ยังอาจจะไม่เหมาะกับการเป็นรถคันแรก หรือหากใครที่ไม่ได้เดินทางกับครอบครัวเป็นประจำ Alphard อาจจะยังไม่ใช่คำตอบ

Alphard Premium vs. Standard ความแตกต่างที่ชัดเจน 

อย่างที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่า Alphard Hybrid รุ่นปี 2023 นั่นเปิดตัวมาพร้อม 2 รุ่นย่อย คือ Alphard 2.5 HEV (Standard) และ Alphard 2.5 HEV Luxury (Premium) โดยมีราคาต่างกันอยู่ที่ 370,000 บาท และความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่นมีดังนี้

  • กระจกเงา รุ่น Premium มีโต๊ะพับลายไม้ Uzuramoku สำหรับผู้โดยสารแถวกลาง พร้อมกระจกเงา / รุ่น Standard ไม่มี
  • ที่นั่งแถวกลาง รุ่น Premium มาพร้อมที่นั่งผู้โดยสารแถวกลางแบบ Executive Lounge captain seats / รุ่น Standard เป็นที่นักแบบ captain seats 
  • ระบบฟอกอากาศในห้องโดยสาร รุ่น Premium nanoe X สำหรับห้องโดยสารตอนหน้าและหลัง / รุ่น Standard nanoe X สำหรับห้องโดยสารตอนหน้า
  • ขนาดตัวรถ รุ่น Premium 5,010 x 1,850 x 1,950 มม. / รุ่น Standard 5,010 x 1,850 x 1,945 มม. (ยาว x กว้าง x สูง (มม.))
  • ขนาดล้อ รุ่น Premium แม็ก 19 นิ้ว / รุ่น Standard แม็ก 17 นิ้ว

Alphard vs. Vellfire ต่างกันอย่างไร? 

สำหรับช่วงส่งท้ายปีแบบนี้นอกจากทาง Toyota จะเปิดตัว Alphard Hybrid รุ่นใหม่แล้ว ยังได้เปิดตัว Vellfire โฉมใหม่ที่มีความหรูหรามากยิ่งขึ้น อีกทั้งทั้ง Alphard และ Vellfire รุ่นใหม่ทั้ง 2 ยังได้มีการเปลี่ยนโลโก้มาใช้โลโก้ของ Toyota เหมือนกันทั้ง 2 รุ่นเลย แต่หากนำ Alphard รุ่นเริ่มต้นและ Vellfire มาเปรียบเทียบกัน ก็จะเห็นถึง ความแตกต่าง และความเป็นเอกลักษณ์ของทั้ง 2 รุ่นอย่างชัดเจน

  • ขนาดตัวรถ Alphard 2.5 HEV 5,010 x 1,850 x 1,945 มม. / Vellfire 5,005 x 1,850 x 1,950 มม. (ยาว x กว้าง x สูง (มม.))
  • การตกแต่งภายนอก Alphard 2.5 HEV จะมีดีไซน์ที่หรู พรีเมี่ยม ไฟตัดหมอกเป็นสี Glossy Black / Vellfire จะมีความเท่ และดุดันมากกว่า ไฟตัดหมอกเป็นสีโครเมียม
  • สีภายใน Alphard 2.5 HEV มีให้เลือก 2 สี คือ Black และ Sunset Brown / Vellfire มีให้เลือก 1 สี คือ Black
  • ขนาดล้อ Alphard 2.5 HEV แม็ก 17 นิ้ว / Vellfire แม็ก 19 นิ้ว
  • ขนาดยาง และยางอะไหล่ Alphard 2.5 HEV 225/65 R17 : T165/80 D17 / Vellfire 225/55 R19 : T165/80 D17

สรุป NEW Toyota Alphard / Vellfire ซื้อรุ่นไหนน่าซื้อกว่า?

หลังจากที่ได้ดูข้อมูลต่าง ๆ ของ Alphard และ Vellfire รุ่นปี 2023 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะเห็นได้ว่า นอกจากการตกแต่งและออปชั่นที่จะมีบางอย่างที่แตกต่างกัน เรื่องของเครื่องยนต์ มอเตอร์หรือพละกำลังต่าง ๆ ของรถทั้ง 3 รุ่นคือ Alphard 2.5 HEV Luxury ราคา 4,499,000 บาท, Alphard 2.5 HEV ราคา 4,129,000 บาท และ Vellfire 2.5 HEV ราคา 4,279,000 บาท มีสเปคเดียวกันทั้งหมด ดังนั้นการจะตัดสินใจว่าระหว่าง Alphard และ Vellfire ควรเลือกรุ่นไหนดี อาจจะต้องเอาไลฟ์สไตล์ของคุณมาช่วยในการตัดสินใจ 

อ่านบทความอื่น ๆ >> BMW XM รถยนต์ SUV พันธุ์ดุ คันใหญ่ ผสานสองขุมพลัง

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

สนับสนุนโดย : sa-game.bet

Categories
บทความทั่วไป

Tesla Model 3 รถไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมมากในหลายประเทศ

Tesla Model 3 นับว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเริ่มต้นของ Tesla แบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา ที่มาแรงตั้งแต่เปิดตัว เพราะทั้งเทคโนโลยี สมรรถนะ รวมไปถึงราคาในไทยก็น่าสนใจไม่แพ้กัน จนทำให้รถรุ่นนี้กลายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้ากำลังจะเข้ามามีบทบาทแทนรถยนต์สันดาป ซึ่งสเปคของเขาจะน่าสนใจขนาดไหน วันนี้เรารวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว

ประสิทธิภาพและระยะทางการขับขี่ของ Tesla Model 3

สำหรับ Tesla Model 3 รุ่นจำหน่ายในไทยจะมี 2 รุ่นย่อยด้วยกันคือ Tesla Model 3 และ Tesla Model 3 Long Range โดย Model 3 เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง ระยะทางในการขับขี่วิ่งได้ไกล 513 กม. (มาตรฐาน WLTP) การเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ใน 6.1 วินาที และสำหรับ รุ่น Long Range เป็นรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ มอเตอร์คู่ ระยะทางในการวิ่ง 629 กม. (มาตรฐาน WLTP) การเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ใน 4.4 วินาที ทั้ง 2 รุ่นใช้เวลาชาร์จ 15 นาที เพิ่มระยะทางวิ่งได้สูงสุด 282 กม. เช่นเดียวกัน

Tesla Model 3 ราคาที่คุ้มค่าและคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม

ในชั่วโมงนี้ต้องบอกว่า Tesla Model 3 คือหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่คุ้มราคาที่สุด เนื่องจาก Tesla Model 3 ราคา เริ่มต้นที่ 1,599,000 บาท และ 1,899,000 บาทสำหรับรุ่น Long Range ซึ่งในราคาที่ไม่ถึง 2 ล้านแต่รถรุ่นนี้มาพร้อมเทคโนโลยใหม่ ๆ เพียบ ทั้งการปรับอุณหภูมิห้องโดยสารล่วงหน้า, วางแผนการใช้พลังงานก่อนการเดินทาง, โหมดสุนัข สัตว์เลี้ยง, โหมดเซ็นทรี่, โหมดแคมป์พักแรม, ระบบจอดอัตโนมัติ รวมไปถึงระบบการนำทางเมื่อใช้ Autopilot เป็นต้น

สิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับระบบ Autopilot 

ระบบ Autopilot ของ Tesla คือระบบช่วย การขับขี่ แต่ก็มีหลายครั้งที่เราจะเห็นข่าวด้านลบเกี่ยวกับระบบ Autopilot ของ Tesla ดังเราจึงควรทำความรู้จักกับระบบนี้ให้มากขึ้น โดย ระบบ Autopilot จะมี 2 แบบ คือ

  • Autopilot แบบพื้นฐาน ระบบจะช่วยในเรื่องการควบคุมความเร็ว การรักษาระยะห่างของรถคันหน้า และควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเท่านั้น
  • Autopilot แบบยกระดับ EAP (จ่ายเพิ่ม) ฟีเจอร์นี้จะเพิ่มการนำทางเมื่อใช้ Autopilot, ระบบจอดรถอัตโนมัติ, ระบบจอดแบบไร้คนขับ, ระบบควบคุมไฟจราจรและป้ายหยุด และระบบเรียกรถอัจฉริยะแบบไร้คนขับเข้ามา 

แต่เพื่อเป็น การป้องกันอุบัติเหตุ ระบบ Autopilot ทั้ง 2 แบบ คนขับจะต้องใช้มือควบคุมพวงมาลัยตลอดเวลา และจะต้องระวังทั้งสภาพถนน คนเดินถนน หรือคนปั่นจักรยานด้วยตัวเอง เพราะหากไม่ปฏิบัติตามอาจจะให้เกิดอุบัติเหตุได้

การดูแลและบำรุงรักษารถไฟฟ้า Tesla Model 3 

การดูแลรถยนต์ไฟฟ้ามี 4 จุดหลัก ๆ ที่คุณจะต้องดูแลเป็นพิเศษ แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ เพราะถ้าปล่อยให้พังจนถึงขั้นต้องซ่อม Tesla Model 3 ราคา ค่าซ่อมต้องแพงหูฉี่อย่างแน่นอน ดังนั้นเราจึงรวมมาข้อมูลมาไว้ให้เพื่อน ๆ แล้ว 

  • มอเตอร์ไฟฟ้า มอเตอร์เป็นสิ่งที่ทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนรถของคุณ ดังนั้นจึงไม่ควรละเลยการตรวจเช็คระยะ เพื่อให้เรามั่นใจว่ามอเตอร์ยังทำงานได้ดี
  • ระบบเบรก เบรกของรถยนต์ไฟฟ้าจะต่างจากรถยนต์ทั่วไป เนื่องจากจะมีเรื่องของระบบชาร์จไฟของรถเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นจึงควรหมั่นสังเกตและตรวจเช็คเบรกเป็นประจำ
  • เช็คของเหลวต่าง ๆ ในระบบของรถยนต์ไฟฟ้ายังจำเป็นต้องเติมของเหลวบางอย่างเข้าในระบบรถเช่น น้ำหล่อเย็น, น้ำยาเช็ดกระจก และ น้ำมันเบรก ถ้าน้ำยาเหล่านี้ลดลงควรเติมทันที
  • ระบบชาร์จ ไม่ควรใช้สายชาร์จใดก็ตามที่ไม่ใช่สายชาร์จเดิมของรถ และควรเช็กว่าหัวชาร์จและสายชาร์จอยู่ในสถานะที่พร้อมใช้งาน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดประกายไประหว่างใช้งาน

การประหยัดพลังงานด้วย Tesla Model 3 การใช้พลังงานไฟฟ้าแทนน้ำมันเชื้อเพลิง

อย่างที่หลาย ๆ คนทราบกันดีว่า ปัจจุบันและในอนาคตอันใกล้นี้รถยนต์ไฟฟ้าจะเข้ามามีบทบาทกับการใช้ชีวิตของเรามาก ๆ เนื่องจากไฟฟ้าเป็นพลังงานสะอาดที่ส่งผลเสียกับโลกของเราน้อยกว่าน้ำมัน ที่สำคัญรถยนต์ไฟฟ้ายังทำให้เราประหยัดเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นอีกด้วย และในไทย Tesla ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีไม่น้อยเพราะอย่างที่เพื่อน ๆ ได้เห็นว่า Tesla Model 3 ราคา เริ่มต้นไม่ถึง 2 ล้าน จึงนับว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

Tesla Model 3

ลักษณะภายนอกและข้อมูลจำเพาะของ Tesla Model 3

ในส่วนของ ดีไซน์ Tesla Model 3 ตัวรถจะมาพร้อมขนาด ความกว้าง 2,089 มม. ความสูง 1,441 มม. และ ความยาว 4,720 มม. ภาพลักษณ์ดูโฉบเฉี่ยว และสปอร์ตมากกว่า เมื่อเทียบกับ Tesla Model Y อีกทั้ง ใน Tesla Model 3 Refreshed รุ่นใหม่ล่าสุด (กำลังจะเข้าไทย) ยังได้มีการตัดเอา Ultrasonic sensor ออกไปทำให้รถมีความเรียบหรู และดูดียิ่งขึ้น อีกทั้งในรุ่นดังกล่าวคุณยังจะได้ใช้ซอฟต์แวร์ตัวใหม่ของเขาอีกด้วย และยังคงมีกล้อง Tesla vision ซึ่งจะติดตั้งด้านข้างซ้าย – ขวาเช่นเคย

ผลลัพธ์การทดสอบความปลอดภัยของ Tesla Model 3 ที่ยอดเยี่ยม

สำหรับ Tesla Model 3, Tesla Model Y รวมไปถึง Tesla รุ่นอื่น ๆ ทางแบรนด์ได้มีการทดลองและยืนยันว่า รถของเทสล่าถูกพัฒนามาให้เป็นรถยนต์ที่มีความปลอดภัยที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็นรถที่มีโอกาสในการเกิดการบาดเจ็บโดยรวมต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่น ๆ ที่ได้เข้าร่วมการประเมินในโครงการที่สหรัฐอเมริกาเคยทดสอบ ที่สำคัญยังได้มีการปรับปรุงซอฟต์แวร์ของรถให้มีความปลอดภัยและมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Tesla Model 3 และ Tesla Model Y

เปรียบเทียบระหว่าง Tesla Model 3 และ Tesla Model Y หลัก ๆ เลยคือดีไซน์ของทั้ง 2 รุ่นแตกต่างกันอย่าเห็นได้ชัด โดย Model 3 จะมีดีไซน์ที่ดูสปอร์ตมากกว่า ส่วน Tesla Model Y จะมีหลังคาที่สูง และให้ความรู้สึกที่ปลอดโปร่งมากกว่า ส่วนราคา Tesla Model 3 ราคา เริ่มต้นที่ 1,599,000 บาท ส่วน Model Y จะมีราคาอยู่ที่ 1,699,000 บาท แต่ในขณะเดียว Model 3 จะสามารถวิ่งได้ไกลกว่าที่ 58 กม. เลยทีเดียว

สรุป Tesla Model 3 ยังน่าสนใจหรือไม่?

หลังจากที่ได้ดูข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับ Tesla Model 3 ไปแล้ว จะเห็นได้ว่าสเปคต่าง ๆ ของรถรุ่นนี้เมื่อเทียบกับราคาแล้ว เรารู้สึกว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างจะคุ้มค่าไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะใครที่ขับรถในเมืองเป็นประจำ ทั้ง Tesla Model 3 และ Tesla Model Y ก็ตอบโจทย์ได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะ Tesla Model 3 Refreshed ที่กำลังจะเข้าไทยในไม่ช้านี้นอกจากจะมีราคาเท่ารุ่นเดิมแล้ว ยังมาพร้อมการยกระดับด้วยการตกแต่งใหม่ รวมไปถึงซอฟต์แวร์ใหม่อีกด้วย

อ่านบทความอื่น ๆ >> BMW XM รถยนต์ SUV พันธุ์ดุ คันใหญ่ ผสานสองขุมพลัง

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

สนับสนุนโดย : sa-game.bet

Categories
บทความทั่วไป

เทคโนโลยีล้ำหน้าในรถ BMW X5 นวัตกรรมที่ทำให้รถยนต์นี้โดดเด่น

เปิดตัวและวางจำหน่ายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ BMW X5 หนึ่งในรถยนต์ Plug – In Hybrid จาก BMW ที่มาพร้อมนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่นอกจากจะประหยัดพลังงานแล้ว ยังมาพร้อมสุดยอดขุมพลัง และสำหรับ BMW X5 รุ่นปี 2023 เปิดตัวมาพร้อม 2 รุ่นย่อยด้วยกัน ได้แก่ X5 xDrive30d M Sport และ X5 xDrive50e M Sport ซึ่ง xDrive50e M Sport นับว่าเป็นรุ่นที่พัฒนาต่อ xDrive45e M Sport ให้มีทั้งเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ใหม่ยิ่งขึ้น

BMW X5

ประวัติที่น่าสนใจกับการก้าวกระโดดของ BMW จากบริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์ถึงผู้นำด้านรถหรู

ก่อนที่เราจะไปพูดถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ บน BMW X5 เราอยากพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับ ประวัติศาสตร์อันน่าทึ่งของแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ BMW ที่พัฒนาแบรนด์จนกลายมาเป็นหนึ่งในผู้นำด้านรถหรูจากเยอรมัน โดยวันที่ 7 มีนาคม ค.ศ. 1916 เป็นวันก่อตั้งบริษัท BMW อย่างเป็นทางการ โดยมีรากฐานมาจากคน 2 คนคือ Karl Rapp และ Gustav Otto โดยเริ่มจากการเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องบิน ก่อนที่จะยุติไปหลังเยอรมันแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 บริษัทก็ได้ยุติการผลิตไป

BMW X ความหลากหลายและประสิทธิภาพในการขับขี่

สำหรับ BMW X เปิดตัวออกมาหลายรุ่นด้วยกัน ซึ่งมีทั้งรถยนต์เครื่องยนต์เบนซิน, เครื่องยนต์ดีเซล, ปลั๊กอินไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า 100% ซึ่งแน่นอนว่า BMW X5 ก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยรถยนต์ BMW ในกลุ่ม X Series นั้นจะเป็นรถกลุ่ม SUV 5 ที่นั่งที่มีขนาดใหญ่ ภายในกว้างขวาง และด้วยความที่รถยนต์ในซีรีส์นี้มีขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงทำให้รถยนต์เหล่านี้จะมาสุดยอดขุมพลัง เพื่อให้ประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม

แนะนำเทคโนโลยีล้ำหน้าในรถ BMW X5 การนำเข้าความสมบูรณ์แบบ 

รถยนต์ BMW X5 รุ่นแรก ๆ จะเป็นรถยนต์ที่นำเข้าแบบทั้งคัน แต่สำหรับรุ่นปี 2020 เป็นต้นมา ทั้ง BMW X5, BMW X1 2023 ไปจนถึงรถยนต์ BMW รุ่นอื่น ๆ เริ่มจะมีการผลิต หรือประกอบในไทยมากขึ้นทำให้เราได้เป็นเจ้าของรถที่มาพร้อม เทคโนโลยี ที่ล้ำสมัยในราคาที่ประหยัดมากยิ่งขึ้น และสำหรับ BMW X5 ก็เป็นรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ มากมาย เช่น

  • ระบบวิดีโอสตรีมมิ่งโดยตรงจากภายในรถ
  • BMW Live Cockpit Professional 
  • BMW Digital Key ให้คุณปลดล็อค – ล็อค และเริ่มการขับขี่โดยอัตโนมัติ
  • Parking Assistant

เคล็ดลับการดูแลรักษารถ BMW X5 

BMW X5

อย่างที่เราได้กล่าวไปแล้วว่า รถยนต์ BMW X5 รุ่นนี้เป็นรถยนต์แบบปลั๊คอินไฮบริด คือ รถยนต์ที่ใช้พลังงานในการขับเคลื่อน 2 แหล่งคือ เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า แต่รถแบบนี้จะสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ด้วย ดังนั้นการดูแลรถจึงจะมีความซับซ้อนไปอีกแบบ โดย 5 เคล็ดลับการดูแลรักษารถง่าย ๆ ในเบื้องต้นมีดังนี้

  • เพื่อ ประสิทธิภาพ ในการใช้งานแบตควรเปลี่ยนแบตตามระยะที่กำหนด ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ
  • ไม่ควรซ่อมรถเอง เพราะอาจจะทำให้เกิดประกายไฟ และไฟไหม้ตามมาได้
  • การล้างรถเป็นประจำ อย่าให้เกิดสิ่งสกปรกสะสมเพราะจะทำให้ชิ้นส่วนของรถเกิดความเสียหายได้
  • การใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง อาจทำให้อุปกรณ์บางส่วนของรถเกิดความเสียหายได้ 
  • การทำความสะอาดทั้งการปัดฝุ่น ดูดฝุ่น และการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเครื่องหนัง ก็จะเป็นการยืดอายุของเบาะได้เป็นอย่างดี

BMW X5 LCI กับการปรับโฉมครั้งใหม่ ทันสมัย และเท่ขึ้น

ล่าสุด BMW ได้มีการปรับโฉม BMW X5 Series ให้มีความทันสมัย และเท่ยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นให้ส่วนของหน้าจอกลางที่ปรับเปลี่ยนมาใช้ BMW Curved Display โดยเป็นจอโค้งขนาด 14.9 นิ้ว (จอระบบสัมผัส) เชื่อมไปยังหน้าจอมาตรวัดขนาด 12.3 นิ้ว ซึ่งในรถของ BMW รุ่นใหม่ ๆ ก็เริ่มมีการเลือกใช้จอชนิดนี้เพิ่มมากขึ้น ส่วนหลังคาเป็นกระจกแบบ Panorama เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ที่สำคัญในรุ่น xDrive30d ภายในยังถูกด้วยคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อเพิ่มความรู้สึกสปอร์ตยิ่งขึ้น

เทคโนโลยีและคุณสมบัติอัจฉริยะใน BMW X5

สำหรับเทคโนโลยีและคุณสมบัติอัจฉริยะใน BMW X5 มีหลายจุดที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ xDrive, ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ, ระบบช่วยการขับขี่, ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชัน hold อัตโนมัติขณะรถหยุดนิ่ง, ช่วงล่าง Adaptive M และระบบไมลด์ไฮบริด 48 โวลท์ ที่ทำให้อัตราเร่งและการตอบสนองที่ไวยิ่งขึ้น และทำให้ X5 รุ่นใหม่นี้สามารถวิ่งได้ไกลสุดเป็น ระยะทาง 113 กิโลเมตร  

ราคา BMW X5 ตัวเลือกและการเปรียบเทียบรุ่นต่าง ๆ 

BMW X5 รุ่นปี 2023 มาพร้อม 2 รุ่นย่อยด้วยกัน ได้แก่ X5 xDrive30d M Sport มาพร้อมเทคโนโลยี 48V mild hybrid ที่ให้กำลัง 12 แรงม้า และเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo 2,993 ซีซี ที่ให้กำลังรวมสูงสุด 298 แรงม้า มีราคาเริ่มต้นที่ 5,099,000 บาท และ X5 xDrive50e M Sport เป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo 2,998 ซีซี และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กําลังรวมสูงสุด 489 แรงม้า แบตเตอรี่สามารถวิ่งได้ไกล 113 กม. ราคาเริ่มต้นที่ 5,399,000 บาท

BMW X5 vs BMW X1 2023 การเปรียบเทียบรุ่นในกลุ่มเดียวกัน

หากเปรียบเทียบเทียบระหว่าง BMW X5 2023 (X5 xDrive50e M Sport) กับ BMW X1 2023 (BMW X1 xDrive30e) ที่ทั้ง 2 เป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดเช่นเดียวกัน แต่สำหรับ BMW X1 จะเป็นรถที่มีขนาดเล็กที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว ขนาด 1.5 ลิตร 1,499 ซีซี ในขณะที่ X5ที่ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo 2,998 ซีซี โดย X1 มีกำลังรวมทั้งระบบอยู่ที่ 326 แรงม้า และ X5 มีกำลังรวมอยู่ที่ 489 แรงม้า ที่สำคัญ BMW X1 2023 รุ่นใหม่ยังถูก ดีไซน์ ให้ดูเท่ สปอร์ต และ ทันสมัยยิ่งขึ้น

ระหว่าง BMW X5 vs BMW X1 2023 รุ่นไหนน่าสนกว่า

หลังจากที่ได้ดูสเปคคร่าว ๆ ของทั้ง BMW X5 และ BMW X1 2023 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราเชื่อว่ากลุ่มลูกค้าของรถทั้ง 2 รุ่นต้องเป็นคนละกลุ่มอย่างแน่นอน เพราะถึงแม้ว่า BMW ทั้ง 2 รุ่นจะเป็นรุ่นท้อปของซีรีส์ X1 และ X5 และเป็นรถปลั๊กอินไฮบริดเหมือนกัน แต่ราคาเพียงแค่ราคาก็ต่างกันอยู่ครึ่งต่อครึ่ง อีกทั้งดีไซน์ การตกแต่ง สมรรถนะ หรือออปชั่นต่าง ๆ ก็ต่างกันอยู่มาก ดังนั้นเราจึงเชื่อว่าน่าจะทำให้ตัดสินใจได้ไม่ยากนัก 

อ่านบทความอื่น ๆ >> BMW XM รถยนต์ SUV พันธุ์ดุ คันใหญ่ ผสานสองขุมพลัง

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

สนับสนุนโดย : sa-game.bet