การใช้รถไฟฟ้าในไทยกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะนอกจากช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แล้วยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันและบำรุงรักษารถยนต์อีกด้วย ในปี 2024 นี้ มีหลายแบรนด์ที่น่าสนใจและกำลังมาแรง บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ 10 แบรนด์รถไฟฟ้าที่น่าสนใจที่สุดในปี 2024
ความสำคัญของการใช้รถยนต์ไฟฟ้า
ก่อนจะไปดูกันว่ามีแบรนด์อะไรบ้างที่น่าสนใจ เรามาทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่าว่าทำไมรถยนต์ไฟฟ้าถึงมีความสำคัญกับเราในยุคนี้
- รถEVไม่ใช่แค่เทรนด์ที่กำลังมาแรง แต่มันเป็นก้าวสำคัญในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและพลังงานของโลกเรา คิดดูสิครับ ทุกวันนี้เราเจอปัญหามลพิษทางอากาศกันแทบจะทุกเมืองใหญ่ ส่วนหนึ่งก็มาจากไอเสียรถยนต์นี่แหละ แต่รถไฟฟ้าไม่ปล่อยไอเสียเลย ขับไปไหนมาไหนก็ไม่ต้องกังวลว่าจะสร้างมลพิษ
- นอกจากนี้ รถไฟฟ้ายังช่วยลดการพึ่งพาน้ำมันซึ่งเป็นทรัพยากรที่กำลังจะหมดไปในอนาคต แถมราคายังขึ้นๆ ลงๆ ไม่แน่นอน พอหันมาใช้ไฟฟ้า เราก็สามารถผลิตพลังงานได้จากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์ หรือลม ซึ่งไม่มีวันหมด
- ที่สำคัญ การใช้รถไฟฟ้ายังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวด้วยนะ แม้ว่าราคาเริ่มต้นอาจจะสูงกว่ารถน้ำมันนิดหน่อย แต่ค่าไฟถูกกว่าค่าน้ำมันเยอะ แถมยังบำรุงรักษาง่ายกว่า เพราะมีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวน้อยกว่ารถน้ำมันเยอะเลย
ข้อเสนอ 10 แบรนด์รถไฟฟ้า
ในปี 2024 นี้ ตลาดรถไฟฟ้าในไทยกำลังได้รับความสนใจและกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว มีแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาแข่งขันมากมาย ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถเล็กราคาประหยัด ไปจนถึงรถหรูสมรรถนะสูง มาดูกันว่า 10 แบรนด์รถไฟฟ้าในไทยที่กำลังมาแรงมีอะไรบ้าง
1. BYD (Build Your Dreams)
รถไฟฟ้าBYD (Build Your Dreams) เป็นแบรนด์รถEVจากจีนที่กำลังมาแรงมากๆ ในเมืองไทย ถ้าใครเคยเห็นรถแท็กซี่ไฟฟ้าวิ่งอยู่ในกรุงเทพฯ นั่นแหละครับ เป็นรถไฟฟ้าBYD (Build Your Dreams) นี่เอง
- จุดเด่นของรถไฟฟ้าBYD (Build Your Dreams) คือเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่เขาพัฒนาขึ้นมาเอง เรียกว่า Blade Battery ซึ่งปลอดภัยสูงและมีอายุการใช้งานยาวนาน นอกจากนี้ BYD ยังมีรถให้เลือกหลายรุ่น ตั้งแต่รถเล็กอย่าง Dolphin ไปจนถึงรถหรูอย่าง Han
- ที่น่าสนใจคือ BYD เน้นการผลิตรถไฟฟ้าราคาถูกที่มีคุณภาพสูง ทำให้คนไทยเข้าถึงเทคโนโลยีรถไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น แถมยังมีบริการหลังการขายที่ดี มีศูนย์บริการกระจายอยู่ทั่วประเทศ ถ้าใครกำลังมองหารถไฟฟ้าคันแรก รถไฟฟ้าBYD (Build Your Dreams) ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ เลยล่ะ
- อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.bydbdautogroup.com/how-good-byd-electric-cars-th/
ตัวอย่าง รุ่นรถที่น่าสนใจของแบรนด์ BYD (Build Your Dreams)
BYD Dolphin
ราคาเริ่มต้น | 799,999 บาท |
กำลังสูงสุด | 177 แรงม้า |
แรงบิดสูงสุด | 290 Nm |
ขนาดแบตเตอรี่ | 44.9 kWh |
เวลาชาร์จ | ปกติ: 6 ชั่วโมง 25 นาที / ชาร์จด่วน: 30 นาที |
ระยะทางวิ่ง | 405 กม. ต่อการชาร์จเต็ม |
BYD Atto 3
ราคาเริ่มต้น | 1,199,900 บาท |
กำลังสูงสุด | 201 แรงม้า |
แรงบิดสูงสุด | 310 Nm |
ขนาดแบตเตอรี่ | 49.9 kWh |
เวลาชาร์จ | ปกติ: 7 ชั่วโมง / ชาร์จด่วน: 40 นาที |
ระยะทางวิ่ง | 410 กม. ต่อการชาร์จเต็ม |
2. MG (Morris Garages)
รถไฟฟ้าMG (Morris Garages) เป็นแบรนด์รถที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานจากอังกฤษ แต่ปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทจากจีน SAIC Motor ในไทยเรารถไฟฟ้าMG (Morris Garages) เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะรถยนต์ราคาประหยัดที่มีออปชั่นครบครัน
- ในด้านรถไฟฟ้าMG (Morris Garages) ก็ไม่น้อยหน้า พวกเขาเปิดตัวรถEVหลายรุ่นในไทย โดยรุ่นที่โดดเด่นคือ MG ZS EV ซึ่งเป็น SUV ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัด ที่มาพร้อมกับราคาที่เข้าถึงได้ง่าย แถมยังมีระยะทางวิ่งที่น่าประทับใจ
- จุดเด่นของ MG คือการนำเสนอรถไฟฟ้าที่มีความคุ้มค่าสูง ให้ฟีเจอร์เยอะแยะมากมายในราคาที่ไม่แพง แถมยังมีเครือข่ายศูนย์บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้เจ้าของรถอุ่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลอย่างดี
- สำหรับคนที่อยากลองใช้รถไฟฟ้าแต่กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายรถไฟฟ้าMG (Morris Garages) ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าพิจารณามากๆ เลยทีเดียว
- อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.heygoody.com/th/blogs/lifestyle/mg-ev-car-model-recommend/
ตัวอย่าง รุ่นรถที่น่าสนใจของแบรนด์ MG (Morris Garages)
MG4 Electric
ราคาเริ่มต้น | 869,000 บาท |
กำลังสูงสุด | 170 แรงม้า |
แรงบิดสูงสุด | 250 Nm |
ขนาดแบตเตอรี่ | 51 kWh |
เวลาชาร์จ | ปกติ: 8 ชั่วโมง 30 นาที / ชาร์จด่วน: 35 นาที |
ระยะทางวิ่ง | 425 กม. ต่อการชาร์จเต็ม |
MG MAXUS 9
ราคาเริ่มต้น | 2,499,000 บาท |
กำลังสูงสุด | 245 แรงม้า |
แรงบิดสูงสุด | 350 Nm |
ขนาดแบตเตอรี่ | 90 kWh |
เวลาชาร์จ | ปกติ: 8 ชั่วโมง 30 นาที / ชาร์จด่วน: 36 นาที |
ระยะทางวิ่ง | 540 กม. ต่อการชาร์จเต็ม |
3. Tesla
พูดถึงรถEVทั้งที จะไม่พูดถึงรถไฟฟ้าTesla ก็คงไม่ได้ ใช่ไหมครับ? Tesla เป็นแบรนด์รถไฟฟ้าจากอเมริกาที่ถือเป็นผู้บุกเบิกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม โดยมี Elon Musk เป็นซีอีโอ
- ในไทยเรารถไฟฟ้าTesla เพิ่งเข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการไม่นาน แต่ก็สร้างกระแสตอบรับที่ดีมาก โดยเฉพาะรุ่น Model 3 ที่เป็นซีดานขนาดกลาง และ Model Y ที่เป็น SUV ขนาดกลาง
- จุดเด่นของรถไฟฟ้าTesla คือเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมาก ทั้งระบบขับขี่อัตโนมัติ Autopilot ที่สามารถขับรถแทนคนได้ในบางสถานการณ์ ระบบอัปเดตซอฟต์แวร์ผ่านอินเทอร์เน็ต ที่ทำให้รถได้รับฟีเจอร์ใหม่ๆ อยู่เสมอ และแน่นอน ความเร็วและระยะทางวิ่งที่น่าประทับใจ
- แม้ว่าราคาของรถไฟฟ้าTesla จะค่อนข้างสูง แต่สำหรับคนที่ชอบเทคโนโลยีล้ำๆ และต้องการรถไฟฟ้าที่มีสมรรถนะสูง Tesla ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ เลยล่ะครับ
- อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.marketingoops.com/news/brand-move/6-keys-challenge-to-tesla-future/
ตัวอย่าง รุ่นรถที่น่าสนใจของแบรนด์ Tesla
Tesla Model Y
ราคาเริ่มต้น | 1,959,000 บาท |
กำลังสูงสุด | 283 แรงม้าในรุ่น Standard |
แรงบิดสูงสุด | 420 Nm ในรุ่น Standard |
ขนาดแบตเตอรี่ | 55 kWh ในรุ่น Standard |
เวลาชาร์จ | 8 ชั่วโมง 15 นาที / ชาร์จด่วน 27 นาที |
ระยะทางวิ่ง | 510 กม. ต่อการชาร์จเต็มในรุ่น Standard |
4. ORA
รถไฟฟ้าORA เป็นแบรนด์รถEV น้องใหม่จากค่าย Great Wall Motor ของจีน ที่เน้นการออกแบบที่น่ารักสดใส และเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยรุ่นที่โด่งดังในไทยคือ ORA Good Cat
- รถไฟฟ้าORA Good Cat โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่น่ารัก คล้ายกับรถยุโรปย้อนยุค แต่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย ภายในห้องโดยสารตกแต่งอย่างพิถีพิถัน มีหน้าจอขนาดใหญ่ และระบบความปลอดภัยที่ครบครัน
- จุดเด่นของรถไฟฟ้าORA คือการนำเสนอรถไฟฟ้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร เหมาะสำหรับคนที่ต้องการรถที่ไม่เหมือนใคร แต่ยังคงมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยและราคาที่เข้าถึงได้
- ถ้าใครชอบรถที่มีดีไซน์น่ารัก แต่ก็ต้องการความทันสมัยด้วยรถไฟฟ้าORA ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้แบรนด์อื่นๆ เลยล่ะครับ
- อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.heygoody.com/th/blogs/lifestyle/ora-good-cat-ev/
ตัวอย่าง รุ่นรถที่น่าสนใจของแบรนด์ ORA
โอร่า ORA Good Cat GT ปี 2024
ราคาเริ่มต้น | 1,099,000 บาท |
กำลังสูงสุด | 171 แรงม้า |
แรงบิดสูงสุด | 250 นิวตัน-เมตร |
ความเร็วสูงสุด | 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง |
ขนาดแบตเตอรี่ | 57.7 kWh |
ระยะทางวิ่ง | สูงสุด 460 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม (NEDC Standard) |
5. NETA
รถไฟฟ้าNETA หรือที่รู้จักในชื่อ Nezha ในประเทศจีน เป็นแบรนด์รถไฟฟ้าน้องใหม่อีกแบรนด์ที่กำลังมาแรงในไทย โดยเฉพาะรุ่น NETA V ที่เป็น SUV ไฟฟ้าขนาดเล็ก
- รถไฟฟ้าNETA V โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย มีความสปอร์ตและดูล้ำสมัย ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง มีหน้าจอขนาดใหญ่ และระบบความบันเทิงที่ทันสมัย
- จุดเด่นของรถไฟฟ้าNETA คือการนำเสนอรถไฟฟ้าที่มีราคาเข้าถึงได้ง่าย แต่ให้ฟีเจอร์และเทคโนโลยีที่ครบครัน ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นใช้รถไฟฟ้าแต่ไม่อยากลงทุนสูงเกินไป
- NETA ยังเน้นการพัฒนาระบบความปลอดภัยและระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ทำให้การขับขี่สะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น แม้ว่าจะเป็นแบรนด์ใหม่ แต่รถไฟฟ้าNETA ก็กำลังขยายเครือข่ายศูนย์บริการในไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง
- สำหรับใครที่กำลังมองหารถไฟฟ้าราคาถูก แต่ได้เทคโนโลยีครบครัน NETA ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าจับตามองเลยทีเดียวครับ
- อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.tap-magazine.net/blog-th/neta-news250822
ตัวอย่าง รุ่นรถที่น่าสนใจของแบรนด์ NETA
NETA V-II
ราคาเริ่มต้น | 549,000 บาท |
กำลังสูงสุด | 95 แรงม้า |
แรงบิดสูงสุด | 150 นิวตัน-เมตร |
ความเร็วสูงสุด | 121 km/h (โหมด Sport) |
ขนาดแบตเตอรี่ | 36.1 kWh |
ระยะทางวิ่ง | 382 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟเต็ม |
6. GWM (Great Wall Motor)
รถไฟฟ้าGWM (Great Wall Motor) เป็นบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากจีนที่เข้ามาทำตลาดในไทยอย่างจริงจัง โดยนำเสนอรถไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบภายใต้แบรนด์ย่อยต่างๆ เช่น HAVAL, ORA และ WEY
- จุดเด่นของรถไฟฟ้าGWM (Great Wall Motor) คือการนำเสนอรถไฟฟ้าที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ครบทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นรถเล็กน่ารักอย่าง ORA Good Cat ไปจนถึง SUV ขนาดใหญ่อย่าง HAVAL H6 PHEV
- รถไฟฟ้าGWM (Great Wall Motor) ยังเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติและระบบความปลอดภัยขั้นสูง ทำให้รถของพวกเขามีฟีเจอร์ที่ทันสมัยไม่แพ้แบรนด์รถยุโรปเลยทีเดียว
- นอกจากนี้ GWM ยังลงทุนสร้างโรงงานผลิตในไทย ซึ่งช่วยให้ราคารถของพวกเขาแข่งขันได้ดีในตลาด และยังสร้างความมั่นใจในเรื่องการบริการหลังการขายด้วย
- สำหรับใครที่กำลังมองหารถไฟฟ้าที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ในราคาที่เข้าถึงได้รถไฟฟ้าGWM (Great Wall Motor) ก็เป็นอีกแบรนด์ที่น่าจับตามองมากๆ เลยครับ
- อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://gwmamornratchada.com/5-innovations-that-makes-gwm-ev-car-answer-new-normal-lifestyle/
ตัวอย่าง รุ่นรถที่น่าสนใจของแบรนด์ GWM (Great Wall Motor)
โอร่า ORA Good Cat 400TECH
ราคาเริ่มต้น | 763,000 บาท |
กำลังสูงสุด | 143 แรงม้า (PS) |
แรงบิดสูงสุด | 210 นิวตันเมตร |
ขนาดแบตเตอรี่ | 47.8 kWh |
เวลาชาร์จ | 8 ชั่วโมง / ชาร์จด่วน 32 นาที |
ระยะทางวิ่ง | 400 km. ต่อการชาร์จเต็ม |
7. Volvo
รถไฟฟ้าVolvo เป็นแบรนด์รถยนต์จากสวีเดนที่มีชื่อเสียงด้านความปลอดภัยมายาวนาน และตอนนี้พวกเขาก็กำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุครถไฟฟ้าอย่างเต็มตัว
- ในไทย Volvo นำเสนอรถไฟฟ้าหลายรุ่น โดยรุ่นที่โดดเด่นคือ XC40 Recharge ซึ่งเป็น SUV ไฟฟ้าขนาดเล็ก และ C40 Recharge ที่เป็นครอสโอเวอร์คูเป้
- จุดเด่นของรถไฟฟ้าVolvo คือการนำเสนอรถไฟฟ้าที่มีความหรูหรา ปลอดภัยสูง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยพวกเขาเน้นการใช้วัสดุรีไซเคิลในการผลิตรถ และมีเป้าหมายที่จะเป็นบริษัทคาร์บอนนิวทรัลภายในปี 2040
- รถไฟฟ้าVolvo ยังโดดเด่นด้านระบบความปลอดภัยขั้นสูง เช่น ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ และระบบตรวจจับคนเดินถนน ซึ่งทำให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
- แม้ว่าราคาของรถไฟฟ้าVolvo จะค่อนข้างสูง แต่สำหรับคนที่ต้องการรถไฟฟ้าที่หรูหรา ปลอดภัยสูง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Volvo ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ เลยครับ
- อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.volvocars.com/th-th/cars/electric-cars/
ตัวอย่าง รุ่นรถที่น่าสนใจของแบรนด์ Volvo
Volvo XC40 Recharge Pure Electric
ราคาเริ่มต้น | 2,590,000 บาท |
กำลังสูงสุด | 408 แรงม้า |
แรงบิดสูงสุด | 660 Nm |
ขนาดแบตเตอรี่ | 78 กิโลวัตต์/ชั่วโมง |
เวลาชาร์จ | 7 ชั่วโมง / ชาร์จด่วน 20 นาที |
ระยะทางวิ่ง | 500 กม. ต่อการชาร์จเต็ม |
8. Changan
รถไฟฟ้าChangan เป็นแบรนด์รถยนต์จากจีนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า โดยในไทยพวกเขาเน้นนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่มีดีไซน์สวยงามและเทคโนโลยีทันสมัย
- รุ่นที่โดดเด่นของ Changan ในตลาดรถไฟฟ้าคือ Changan Lumin ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็กที่เหมาะกับการใช้งานในเมือง มีดีไซน์น่ารัก ขับง่าย และประหยัดพลังงาน
- จุดเด่นของรถไฟฟ้าChangan คือการนำเสนอรถไฟฟ้าที่มีราคาเข้าถึงได้ง่าย แต่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ระบบความบันเทิงที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ และระบบชาร์จไฟที่รวดเร็ว
- รถไฟฟ้าChangan ยังเน้นการพัฒนาแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้รถของพวกเขามีระยะทางวิ่งที่น่าประทับใจ แม้จะเป็นรถขนาดเล็ก
- สำหรับคนที่กำลังมองหารถไฟฟ้าขนาดเล็ก รถไฟฟ้าราคาถูก แต่มีเทคโนโลยีทันสมัย รถไฟฟ้าChangan ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้แบรนด์อื่นๆ เลยครับ
- อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.autospinn.com/2024/03/changan-lumin-135902
ตัวอย่าง รุ่นรถที่น่าสนใจของแบรนด์ Changan
Changan Lumin
ราคาเริ่มต้น | 479,000 บาท |
กำลังสูงสุด | 48 แรงม้า |
แรงบิดสูงสุด | 83 นิวตันเมตร |
ขนาดแบตเตอรี่ | 27.99 kWh |
เวลาชาร์จ | ชาร์จ DC Fast Charging จาก 30 – 80% ภายในเวลา 35 นาที |
ระยะทางวิ่ง | 301 km ต่อหนึ่งการชาร์จ |
9. Lexus
Lexus แบรนด์รถหรูจากญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคยกันดีในเรื่องความหรูหราและความเงียบนุ่มนวล ก็กำลังก้าวเข้าสู่ยุครถไฟฟ้าอย่างสง่างาม และกำลังสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้รถในไทย
- จุดเด่นของ Lexus คือการผสมผสานความหรูหรา ความเงียบนุ่มนวล และเทคโนโลยีไฟฟ้าเข้าด้วยกันอย่างลงตัว นึกภาพว่าคุณได้นั่งในห้องรับแขกหรูๆ ที่เคลื่อนที่ได้อย่างเงียบกริบและนุ่มนวล แถมยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย เจ๋งใช่ไหมล่ะ?
- รุ่นที่กำลังได้รับความสนใจมากในไทยคือ Lexus RZ 450e ซึ่งเป็น SUV EV ขนาดกะทัดรัด ที่มาพร้อมกับความหรูหราแบบ Lexus แต่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ภายในตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง มีเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกมากมาย และมีระบบความปลอดภัยที่ครบครัน
- แม้ว่าราคาของ Lexus จะค่อนข้างสูง แต่หลายคนมองว่าคุ้มค่ากับคุณภาพและประสบการณ์การใช้งานที่ได้รับ ถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบความหรูหรา ต้องการความเงียบนุ่มนวลในการขับขี่ และอยากได้รถEV ที่มีความน่าเชื่อถือสูง Lexus ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ใช่สำหรับคุณ
- อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.thairath.co.th/news/auto/news/2369485
ตัวอย่าง รุ่นรถที่น่าสนใจของแบรนด์ Lexus
Lexus RZ 450e
ราคาเริ่มต้น | 3,870,000 บาท |
กำลังสูงสุด | 313 แรงม้า |
แรงบิดสูงสุด | 435 Nm |
ขนาดแบตเตอรี่ | 71.4 กิโลวัตต์/ชั่วโมง |
เวลาชาร์จ | 6 ชั่วโมง 30 นาที / ชาร์จด่วน 35 นาที |
ระยะทางวิ่ง | 470 กม. |
10. Wuling
รถไฟฟ้าWuling เป็นแบรนด์รถยนต์จากจีนที่กำลังสร้างชื่อในตลาดรถไฟฟ้าด้วยการนำเสนอรถไฟฟ้าขนาดเล็กราคาประหยัด โดยรุ่นที่โด่งดังคือ Wuling Air EV
- รถไฟฟ้าWuling Air EV เป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็กที่เหมาะกับการใช้งานในเมือง มีดีไซน์ที่น่ารัก กะทัดรัด และทันสมัย ภายในห้องโดยสารกว้างขวางกว่าที่คาดสำหรับรถขนาดนี้ และมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่
- จุดเด่นของรถไฟฟ้าWuling คือการนำเสนอรถไฟฟ้าที่มีราคาเข้าถึงได้ง่ายมาก แต่ยังคงมีคุณภาพและฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เช่น ระบบความบันเทิงที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ ระบบช่วยขับขี่พื้นฐาน และระบบชาร์จไฟที่รวดเร็ว
- รถไฟฟ้าWuling Air EV เหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง สามารถจอดได้ง่ายในพื้นที่จำกัด และประหยัดพลังงานมาก ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนเมืองที่ต้องการรถคันที่สองหรือรถสำหรับเดินทางระยะสั้น
- สำหรับคนที่กำลังมองหารถไฟฟ้าขนาดเล็ก รถไฟฟ้าราคาถูก แต่ยังคงมีความทันสมัย Wuling ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้แบรนด์อื่นๆ เลยครับ
- อ่านเพิ่มเติมได้ที่ :
ตัวอย่าง รุ่นรถที่น่าสนใจของแบรนด์ Wuling
Wuling Air EV
ราคาเริ่มต้น | 395,000 |
กำลังสูงสุด | 40 แรงม้า |
แรงบิดสูงสุด | 110 นิวตันเมตร |
ขนาดแบตเตอรี่ | 17.3 kWh |
เวลาชาร์จ | 8 ชั่วโมง |
ระยะทางวิ่ง | 200 กม. ต่อการชาร์จ |
วิธีชาร์จและวิธีดูแลรถไฟฟ้าที่ถูกต้อง
การรู้วิธีดูแลรักษารถไฟฟ้าอย่างถูกต้องจะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาประสิทธิภาพของรถได้เป็นอย่างดี ซึ่งสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
- วิธีชาร์จรถไฟฟ้า:
- ตรวจสอบระดับแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรปล่อยให้แบตเตอรี่หมดจนเกลี้ยง
- ใช้สถานีชาร์จที่เชื่อถือได้และเหมาะสมกับรถของคุณ
- เสียบสายชาร์จให้แน่นและตรวจสอบว่าไฟแสดงสถานะการชาร์จติดสว่าง
- หลีกเลี่ยงการชาร์จในสภาพอากาศร้อนจัดหรือเย็นจัด
- ไม่ควรชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% ทุกครั้ง ควรรักษาระดับไว้ที่ 20-80% เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่
- วิธีชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน:
- ติดตั้งเครื่องชาร์จที่บ้านโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ
- ชาร์จในช่วงกลางคืนเพื่อประหยัดค่าไฟ
- ใช้แอพพลิเคชันของรถเพื่อตั้งเวลาการชาร์จและติดตามสถานะ
- วิธีชาร์จรถไฟฟ้าในที่สาธารณะ:
- ศึกษาวิธีใช้งานสถานีชาร์จสาธารณะก่อนใช้งานจริง
- เตรียมแอพพลิเคชันหรือการ์ดสำหรับชำระเงินค่าชาร์จไฟ
- วางแผนเส้นทางโดยคำนึงถึงจุดชาร์จระหว่างทาง
- วิธีชาร์จรถไฟฟ้าในสภาพอากาศหนาว:
- อุ่นเครื่องรถก่อนออกเดินทางเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่
- ใช้ระบบทำความร้อนแบตเตอรี่ (ถ้ามี) ก่อนเริ่มชาร์จ
- วิธีชาร์จรถไฟฟ้าแบบเร็ว:
- ใช้การชาร์จแบบเร็วเฉพาะเมื่อจำเป็น เพื่อรักษาอายุการใช้งานของแบตเตอรี่
- ศึกษาข้อจำกัดในการชาร์จแบบเร็วของรถแต่ละรุ่น
- วิธีดูแลรถไฟฟ้า:
- ทำความสะอาดภายนอกและภายในรถอย่างสม่ำเสมอ
- ตรวจสอบลมยางและสภาพยางเป็นประจำ
- ดูแลระบบเบรกอย่างสม่ำเสมอ แม้รถไฟฟ้าจะใช้ระบบเบรกรีเจนเนอเรทีฟ
- ตรวจสอบระบบปรับอากาศและทำความเย็นของแบตเตอรี่
- อัพเดทซอฟต์แวร์ของรถตามที่บริษัทผู้ผลิตแนะนำ
- วิธีดูแลแบตเตอรี่รถไฟฟ้า:
- หลีกเลี่ยงการจอดรถในที่ร้อนจัดเป็นเวลานาน
- ไม่ควรปล่อยให้แบตเตอรี่หมดโดยสิ้นเชิง
- ใช้โหมดประหยัดพลังงานเมื่อจำเป็น เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่
- วิธีดูแลระบบขับเคลื่อนรถไฟฟ้า:
- ตรวจสอบระบบระบายความร้อนของมอเตอร์ไฟฟ้าตามคำแนะนำของผู้ผลิต
- สังเกตเสียงหรืออาการผิดปกติของระบบขับเคลื่อน
- วิธีดูแลรถไฟฟ้าเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าในรถ:
- ตรวจสอบการทำงานของไฟหน้า ไฟท้าย และไฟสัญญาณต่างๆ เป็นประจำ
- ดูแลรักษาระบบไฟฟ้าภายในห้องโดยสารให้อยู่ในสภาพดี
- วิธีดูแลยางรถไฟฟ้า:
- สลับยางตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้ยางสึกหรออย่างสม่ำเสมอ
- ใช้ยางที่เหมาะสมกับรถไฟฟ้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
อ่านวิธีดูแลรถไฟฟ้า และวิธีชาร์จรถไฟฟ้าเพิ่มเติม : https://www.eigen.energy/articles-th-th/best-practices-for-ev-charging-to-sustain-the-battery
บทส่งท้าย
สรุปแล้ว ในปี 2024 นี้ เราเห็นได้ชัดว่าตลาดรถไฟฟ้าในไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว มีแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาแข่งขันมากมาย ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถเล็กราคาประหยัด ไปจนถึงรถหรูสมรรถนะสูง
แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกแบรนด์รถไฟฟ้าไหน สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาให้เหมาะกับการใช้งานและงบประมาณของตัวเอง และอย่าลืมศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อนะครับ เพราะรถไฟฟ้าเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว การเลือกให้เหมาะสมจะทำให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้งานรถEV แน่นอนครับ
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ simstation.in.th
7 แบรนด์ รถไฟฟ้า รุ่นไหนดี ประหยัดพลังงาน ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์ทุกการขับขี่