เปิดตัวต้อนรับยุคแห่งพลังงานสะอาดกันไปอีกหนึ่งแบรนด์ กับรถไฟฟ้าจากแบรนด์สัญชาติจีนอย่าง Aion ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทยักษ์ใหญ่ Guangzhou Automobile Group และด้วยความพยายามเพื่อการพัฒนารถไฟฟ้าประหยัดพลังงานให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด ทำให้ในระยะเวลาไม่นานหลังจากเปิดตัว ก็สามารถทำรายได้เติบโตจนเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของวงการยานยนต์ไฟฟ้าเลยทีเดียว
นอกจากนั้นตัวแบรนด์เองก็ยังให้ความสำคัญกับเรื่องของฟังก์ชันการใช้งาน รวมถึงดีไซน์รูปลักษณ์ให้ทันสมัย โดยจะต้องมีราคาที่เข้าถึงได้ง่าย เพื่อให้คนรุ่นใหม่สามารถจับจองรถยนต์ EV ซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมสัมผัสประสบการณ์สุดล้ำจากนวัตกรรมแห่งโลกสมัยใหม่ เพื่อก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งในบทความนี้เราก็ได้คัดเอา 3 รถไฟฟ้าน่าใช้มาแนะนำให้ทุกคนลองพิจารณากันดูแล้ว
ทำความรู้จักกับแบรนด์รถยนต์ Aion
รถไฟฟ้าจากแบรนด์ยอดนิยมซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่กี่ปีอย่างแบรนด์ Aion (GAC Aion) ได้มีการเปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อประมาณปี 2018 โดยได้รับการดูแลและผลักดันจากบริษัท Guangzhou Automobile Group หรือที่รู้จักกันในนาม GAC Group ซึ่งเป็นบริษัทที่ติดท็อป 5 ของบรรดาผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากประเทศจีน ทำให้ผู้ใช้งานรวมถึงผู้ประกอบการหลายรายต่างก็เชื่อมั่นในคุณภาพ และแผนการทำงานซึ่งไว้ใจได้ของรถไฟฟ้า Aion ด้วยนั่นเอง
พาส่องความนิยมของรถไฟฟ้า Aion ในไทย
หลังจากผ่านงาน Motor Expo 2023 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นงานจัดแสดงรถยนต์และรถไฟฟ้าในประเทศไทยที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดงานหนึ่งนั้น ก็ทำให้คนทั่วไปรวมถึงกลุ่มคนในตลาดผู้ใช้งานรถไฟฟ้าได้เห็นถึงกระแสความนิยมของรถไฟฟ้า Aion กันได้ชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมันเป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่สามารถทำให้เกิดยอดจองสูงเป็นอันดับที่ 2 เมื่อเทียบกับยอดการจองของกลุ่มแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่เข้าร่วมงาน เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ที่บ่งชี้ว่าแบรนด์ดังกล่าวได้รับความนิยมในบ้านเราค่อนข้างเลยทีเดียว
รวมรถไฟฟ้า Aion ดีไซน์สวย ใช้พลังงานไฟฟ้า 100%
AION Y Plus 550 Ultra
รถไฟฟ้า Aion ในรุ่นแรกนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับใครซึ่งกำลังมองหารถยนต์ SUV เอาไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน หรือใช้เป็นรถสำหรับครอบครัวเล็กๆ แสนอบอุ่น เพราะถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่รถขนาดใหญ่ แต่ก็มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานรวมถึงสมรรถนะการขับขี่รถไฟฟ้าที่จัดเต็มเกินราคา นอกจากนั้นก็ยังสามารถเลือกสีที่ชอบได้ถึง 7 สีเลยทีเดียว
ราคาเปิดตัว : ราคาเริ่มต้นประมาณ 995,900 บาท
สมรรถนะโดยรวม : เป็นพาหนะไฟฟ้าซึ่งมาพร้อมกับพละกำลังในการขับเคลื่อนสูงสุด 204 แรงม้า โดยมีแบตเตอรี่ความจุ 68.3 kWh ในขณะที่สามารถขับขี่เป็นระยะทางได้ไกลกว่า 550 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 1 ครั้ง พื้นที่ภายในกว้างขวาง โล่งสบายไม่อึดอัด ทั้งยังมีระบบช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานมากมาย เช่น ระบบควบคุมระยะการจอด, ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP) รวมถึงควบคุมการลื่นไถล (TCS)
AION ES
เอาใจใครที่กำลังมองหารถไฟฟ้าราคาถูกกันอีกเช่นเคย โดยรถไฟฟ้ารุ่นนี้เป็นรถไฟฟ้า Aion รุ่น AION ES ซึ่งมีราคาเปิดตัวเริ่มต้นเพียงไม่ถึงหนึ่งล้านบาทเท่านั้น ที่สำคัญคือนวัตกรรมเพื่อช่วยในการขับขี่ก็ยังมีความทันสมัย ตอบโจทย์การใช้งานที่ทั้งสนุกและประหยัดพลังงานได้จริง ทำให้มีการนำไปใช้ในแวดวงของรถยนต์ขนส่งสาธารณะกันเป็นจำนวนมาก
ราคาเปิดตัว : ราคาเริ่มต้นประมาณ 850,000 บาท
สมรรถนะโดยรวม : รถไฟฟ้าในรุ่นเริ่มต้นจากแบรนด์นี้ มีพละกำลังในการขับเคลื่อนอยู่ที่ 136 แรงม้า ตอบโจทย์การขับขี่ในระยะทางไกลได้ถึง 442 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รองรับการชาร์จแบบ DC Fast Charging ช่วยให้ชาร์จแบตเตอรี่ 0-80% ภายในเวลาเพียง 40 นาทีเท่านั้น
Aion S Plus
รถไฟฟ้าน่าใช้ของแบรนด์ Aion ในรุ่นสุดท้ายที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้ คือรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Aion S Plus ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าแบบ Sedan เพิ่งเปิดตัวในไทยไปเมื่อประมาณปี 2023 เน้นการออกแบบให้ตัวรถส่งเสริมการขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้รูปทรงที่มีความโค้งมน ลดการต้านลมขณะขับขี่ ทำให้ใช้พลังงานน้อยกว่าแต่สามารถทำระยะทางได้ดีมากยิ่งขึ้น ภายในตกแต่งแบบเรียบง่ายแต่ก็ยังคงมาพร้อมฟังก์ชันเสริมการใช้งานที่ครอบคลุมทุกความต้องการแน่นอน
ราคาเปิดตัว : ราคาเริ่มต้นประมาณ 727,000 บาท
สมรรถนะโดยรวม : รถยนต์ EV รุ่นนี้มาพร้อมพละกำลังในการขับเคลื่อนอยู่ที่ 204 แรงม้า โดยสามารถขับได้ไกลสูงสุดถึง 610 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ทั้งยังจัดเต็มด้วยระบบเพื่อความปลอดภัยมากมาย ช่วยให้ผู้ใช้งานมั่นใจกับการขับขี่รถไฟฟ้ากันได้มากยิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นเพราะผู้ใช้งานยังสามารถปรับโหมดการขับขี่ได้ตามต้องการ (NORMAL, ECO, ECO+, SPORT)
ข้อดีและข้อเสียของรถไฟฟ้า Aion
สำหรับข้อดีโดยรวมของรถไฟฟ้าจากแบรนด์ Aion นอกเหนือจากเรื่องราคาซึ่งเริ่มต้นมาได้ล่อตาล่อใจผู้ใช้งานเป็นอย่างมากแล้ว ก็ยังมีการมุ่งเน้นที่จะอุดช่องโหว่ของรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดเรียงชุดแบตเตอรี่เพื่อความสามารถในการเก็บความจุไฟฟ้า มีการออกแบบดีไซน์ของตัวรถไฟฟ้าประหยัดพลังงานให้มีพื้นที่กว้าง แต่ยังสามารถลดการต้านต่อแรงลมได้เป็นอย่างดี แต่ก็อาจจะยังเสียเปรียบคู่แข่งอยู่บ้างในเรื่องของระบบช่วยเหลือเพื่อการขับขี่นั่นเอง
บทส่งท้าย
Aion เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ผู้ผลิตรถไฟฟ้าซึ่งเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ด้วยความที่เป็นหนึ่งในรถไฟฟ้าราคาถูก แต่ยังคงรักษามาตรฐานการใช้งานที่น่าประทับใจเอาไว้ ที่สำคัญสมรรถนะในหลายๆ ด้านก็เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี มีดีไซน์สวยงาม สามารถเลือกสีที่ต้องการได้ตามใจชอบ ทำให้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเปลี่ยนจากการใช้รถยนต์ทั่วไป มาเริ่มต้นรักษ์โลกและประหยัดพลังงานกับรถไฟฟ้า Aion กันมากขึ้นอย่างที่เห็นในปัจจุบันนั่นเอง
ขอขอบคุณคลิปจาก autolifethailand official
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่
7 แบรนด์ รถไฟฟ้า รุ่นไหนดี ประหยัดพลังงาน ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์ทุกการขับขี่