สินค้า simulator

กิจกรรม

การแข่งขัน

แนะนำอุปกรณ์

ทดลองอุปกรณ์

Categories
บทความทั่วไป รีวิว พรีวิว

วิวัฒนาการของพวงมาลัย Logitech

Logitech กับ Logicool อันเดียวกันนะ

พูดถึงจอยพวงมาลัยยี่ห้อที่ทุกคนคงจะคุ้นหูมากที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้นเจ้าพวงมาลัยยี่ห้อดัง ” Logitech “ ที่แฟนๆชาว Racing น่าจะเคยได้ลองสัมผัสหรือเคยได้ยินชื่อกันเป็นแน่แท้ แต่ประวัติการเดินทางอันยาวนานของไลน์การผลิตจอยพวงมาลัย หรือด้านการพัฒนาด้าน FFB ของพวงมาลัยยี่ห้อนี้หลายๆคน คงไม่ค่อยได้ยินกันแน่ๆ เราไปดูกันดีกว่าครับ ว่าเจ้า ” Logitech ” หรือ ” Logicool “ นั้น มีที่มาที่ไปอย่างไรกันบ้างครับ

ขับขี่ปลอดภัย ใช้ระบบ Simulator

ในยุคแรก

Logitech ได้สร้างจอยพวงมาลัยออกมา แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมสักเท่าไร ในชื่อรุ่น Logitech Wingman Formula โดยออกทั้งหมดสามสี เหลือง/แดง/ดำ และมีระบบ FFB แรงต้านและแรงตอบสนองแบบการสั่น แต่ทว่าในบางตัวนั้นยังใช้การเชื่อมต่อแบบ Serial Port(โบราณ)อยู่ ไม่มี USB Port (ช่วงนั้นเป็นยุคที่ USB กำลังเริ่มใช้กันยุคแรกๆ) สำหรับตัวพวงมาลัยหมุนได้ 200 องศา

Logitech Wingman Formula ซีรีส์

Logitech Wingman Formula (1998)

ซึ่งในปีถัดมาได้มีการพัฒนาต่อในรุ่น GP ซึ่งจะเป็นการเชื่อมต่อแบบ USB ล้วนๆเลย แต่ผลิตออกมามีแต่สีเหลือง มีแป้นเหยียบที่หน้าตาดีขึ้น มี USB Port แท้ๆแบบในยุคใหม่แต่ยังคงหมุนได้ 200 องศาเช่นเดิม

Logitech Wingman Formula GP (1999)

ในปีต่อมาทำออกมาเฉพาะสีแดง มี FFB และ USB เสียบคอมเหมือนรุ่นปีที่แล้ว

Logitech Wingman Force GP (2000)

ยุค Driving Force ซีรีส์

Logitech Driving Force หรือ GT Force (2001)
คราวนี้ Logitech ได้รีแบรนด์จากซีรีส์ของ Wingman ไปสู่ Driving Force ด้วยการเปลี่ยนเป็นพวงมาลัยสีฟ้า พร้อมกับตีตราโลโก้ ” Gran Turismo ” นับว่าเป็นพวงแรกที่ได้ Official ของเกมส์ Gran Turismo (ตอนนั้นภาค 3)(PS2) มี USB ระบบ FFB หมุน 200 องศา และยังมีเกียร์ Paddle Shift ติดหลังพวงมาด้วย (รุ่นนี้มีตัว Limited ที่เป็นกล่องแบบ Initial D ด้วย)

Logitech Driving Force หรือ GT Force

Logitech Momo (2002)
คราวนี้เป็นทางของฝั่ง PC บ้าง เพื่อไม่ให้น้อยหน้าทางฝั่ง Playstation ทาง Logitech ได้ขอลิขสิทธิ์จากทาง MOMO มีการพัฒนาระบบ FFB ลงใน PC เช่นกัน และมีการเพิ่มเกียร์ Sequential ที่สามารถเลือกฝั่งในการติด (ซ้าย-ขวา) พัฒนาแป้นเหยียบขึ้นอีกระดับจาก Driving Force พร้อมทั้งปรับปรุงจุดยึดพวงด้านบนเป็นแบบยึด 3 จุดด้วย พวงมาลัยยังคงหมุนได้ 200 องศาเหมือนเดิม ขนาดเส้นรอบวงพวงมาลัย 10 นิ้ว

Logitech Momo

Logitech Speed Force Feedback (2002)
คราวนี้ได้ออกพวงมาลัยมาสำหรับค่ายเกมส์ Nintendo อย่าง Gamecube ระบบภายในยังแบบ FFB ยุคเก่าเหมือนรุ่นพี่อย่าง Momo และ Driving Force

มีแป้นเหยียบมาให้ด้วยนะ แต่หารูปสวยๆไม่เจอ ยังคงใช้แป้นแบบเดิมกับรุ่นเก่าๆ

Logitech Nascar Racing (2004)
อันนี้ออกแบบมาให้ใช้ได้ทั้ง 3 Platform ทั้ง PC/PS2 และ Xbox แต่ยังคงใช้ระบบ FFB เดิมๆจากรุ่นพี่อยู่เช่นกัน

Logitech Nascar Racing

Logitech Driving Force Pro (2004)
ด้วยการมาของ Gran Turismo 4 ตัวพวงมาลัย Official ของ Logitech ก็ได้ออกมาในเวอร์ชั่นพัฒนาใหม่ที่สามารถ(ปลดล๊อค)หมุนได้ 900 องศา จากเดิมที่พวงมาลัยที่หมุนได้เพียง 200 องศา นับว่าเป็นก้าวใหม่ของวงการจอยพวงมาลัยเลยทีเดียว (แต่เอาไปเล่นกับ GT4 มันไม่รองรับระบบ 900 องศา ต้องปรับโหมดไป 200 องศาเท่านั้น 555+) สำหรับเจ้าตัวนี้มียังคงใช้พวงมาลัยขนาด 10 นิ้ว มีเกียร์ Paddle Shift และมีเกียร์ Sequential ต้นแบบที่ยังใช้กันต่อมาถึงรุ่น DFGT เลย (รุ่นนี้มีตัวที่เป็นกล่องแบบ Sega Rally ด้วย)

Logitech Driving Force Pro

Logitech Driving Force EX PS3(2006)
ด้วยการเปิดตัวของ Playstation 3 ก็ได้ถึงเวลาลอยลำพวงมาลัยตัวเก่าซึ่งคราวนี้สามารถหมุนได้แค่ 200 องศาเท่านั้น(อ้าวว) กับพวงมาลัย ขนาด 10 นิ้วเท่าเดิม

Logitech Driving Force EX

Logitech Driving Force FX Xbox360 (2006)
เหมือนตัวข้างบนทุกอย่าง ยกเว้นสามารถใช้กับ Xbox360 ได้

Logitech Driving Force FX

Logitech G25 (2006)
และแล้วก็ได้เข้าสู่ยุคทองของพวงมาลัย Logitech คราวนี้มาแบบ Option จัดเต็มพวงมาลัยหุ้มหนัง มีเกียร์แยกที่สามารถปรับเป็น H-Shifter หรือ Sequential ได้ในอันเดียวกัน แถมยังมีแป้นเหยียบพร้อมคลัช มากับระบบ FFB ระบบยุคใหม่ (ยังใช้ถึงปัจจุบัน) พวงมาลัยหมุนได้แบบ 900 องศาสมบูรณ์ (FFB ไม่เบาลงเหมือนพวก Driving Force Pro)และน้ำหนักขึ้นชกของพวงมาลัยในรอบนี้ 11 นิ้วไปเลยจ้าาา

Logitech G25

Logitech Driving Force GT (2007)
คราวนี้รุ่นเล็กมีพัฒนาระบบ FFB บ้าง ให้ก้าวกระโดดไปกว่าตัวเก่า (Driving Force Pro) เรี่ยวแรงเยอะกว่า หมุนไวกว่า ทำให้รายละเอียดออกมาได้เยอะกว่า พอๆกับรุ่นพี่ G25 เลยทีเดียว น้ำหนักขึ้นชกที่ 900 องศา / 11 นิ้ว เป็นรุ่นที่นิยมแพร่หลายมากกกกก เป็นตัวเริ่มต้นที่คุ้มค่าที่สุดในยุคนี้แล้ว (ถ้ายังหาได้)

Logitech Driving Force GT

Logitech Wii Speed Force (2008)
รุ่นที่ใช้ Wireless กับเครื่อง Wii ได้ แต่ไม่มีแป้นเหยียบ ?? WTF

Logitech Wii Speed Force

Logitech Driving Force Wireless (2008)
เหมือนกะไอ้ข้างบนนั่นแหละ ไม่มีแป้นเหยียบ แต่เอาไว้ต่อเล่น Wireless กับ PC หรือ PS3 ได้

Logitech Driving Force Wireless

Logitech G27 (2010)
ตัวยอดนิยมตลอดกาลอีกแล้ว ถึงขนาดเคยมีคนพูดว่า “ถ้าคุณเป็นแฟนเกมส์ Racing ตัวจริง ต้องมี G27 ติดบ้าน” ตัวนี้ได้รับการอัพเกรดใหญ่เป็นระบบเฟืองแบบตัดเฉียง เพื่อลดเสียงรบกวนขณะขับ (แต่เวลาชนกำแพงหรือกระแทกอะไรหนักๆก็ยังมีเสียงดังรบกวนบ้าง) มีเพิ่มไฟ LED Shifter ที่ตัวพวง แต่ว่าๆๆ เกียร์ Sequential มันหายไปแล้ว… (อ้าวว ??) ยังคงใช้การหมุนที่ 900 องศาเท่าเดิม ส่วนตัวพวงก็ 11 นิ้วนะจ้ะ

Logitech G27

Logitech G29 (2015)
และแล้วก็ถึงรุ่นล่าสุด.. การมาของตัวนี้ทำให้ DFGT และ G27 ต้องหยุดผลิตไปเพราะพวงมาลัยรุ่นเก่าๆจะไม่ได้รับรองกับระบบ PS4 ซึ่งรุ่นนี้ในกล่องไม่มีเกียร์แถมมาให้ แถมราคาแพงกว่าเดิมด้วย ระบบก็ยังคงใช้แบบเดียวกับ G27 เพิ่มเติมคือเปลี่ยนจาก Optical Sensor เป็นแบบ Hall Effect Sensor และมีปุ่มเยอะขึ้นแบบ DFGT (เหมือนเอามารวมร่างกัน) และแป้นเหยียบมีการใส่ลูกยางเพิ่มเข้าไปเพื่อให้คล้ายกับแป้นเหยียบ Load Cell (แต่ก็ยังไม่ดีเท่า แถมแข็งเกินไปด้วย) และถ้าอยากใช้เกียร์แยกต้องไปซื้อเพิ่มเท่านั้น หรือถ้ามีเกียร์ของรุ่นเก่าก็สามารถใช้เกียร์ของ G25/G27 ของเดิมใส่ได้อยู่นะ..

Logitech G29

Logitech G920 (2015)
เหมือนตัวข้างบนแต่ใช้กะ PC และ Xbox

Logitech G920 (2015)

Logitech G Driving Force H-Shifter

เอาละครับก็จบกันไปแล้วสำหรับประวัติของจอยพวงมาลัย Logitech สำหรับใครที่กำลังมองหาของมือสองอยู่ แอดเหมียวแนะนำว่าให้เริ่มมองๆตั้งแต่รุ่นยุคใหม่อย่าง G25 หรือ Driving Force GT ขึ้นไปนะครับ เพราะจะเป็นรุ่นที่ระบบ FFB ยังคงเป็นระบบปัจจุบันอยู่ แต่ถ้าเป็นรุ่นเก่าๆ อาจจะให้การตอบสนองได้ไม่ดีเท่าระบบใหม่ๆนะครับ และที่สำคัญคือเรื่องของ Driver ที่อาจจะไม่รองรับ Windows 10 อีก ยังไงก็ขอให้ลองสอบถามเพื่อนๆในกลุ่มดูอีกทีก่อนซื้อขาย เพื่อให้ไม่เสียเงินและเวลาฟรีกันนะครับ

ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ ขอบคุณครับ //แอดเหมียว