สินค้า simulator

กิจกรรม

การแข่งขัน

แนะนำอุปกรณ์

ทดลองอุปกรณ์

ต่อภาษีรถยนต์ ต้องรู้ รถอายุกี่ปี ต้องตรวจสภาพ

รถอายุกี่ปี ต้องตรวจสภาพ

การตรวจสภาพรถยนต์มีความจำเป็นมากต่อการต่อภาษีรถยนต์ในแต่ละปีซึ่งควรจะรู้ว่า รถอายุกี่ปี ต้องตรวจสภาพรถยนต์ก่อนที่จะไปต่อภาษีรถยนต์ได้นั่นหมายความว่าเราจะต้องเสียเวลาไปตรวจสภาพรถยนต์ว่าพร้อมใช้งานหรือไม่เนื่องจากเป็นข้อบังคับของกฎหมายที่บังคับว่าจะต้องตรวจสภาพรถยนต์ก่อนต่อภาษีรถประจำปี

วันนี้เราจึงมาขออธิบายเกี่ยวถึงว่ารถรุ่นไหนมีอายุกี่ปีจะต้องตรวจสภาพก่อนเข้าต่อภาษีรถยนต์รวมถึงถ้าไม่มีเวลาไปตรวจสภาพรถยนต์จะต้องทำอย่างไรเพื่อที่จะได้เข้ารับการต่อภาษีประจำปี

รถอายุกี่ปี ต้องตรวจสภาพ

มารู้จักกับการ ตรวจสภาพรถยนต์ คืออะไร เตรียมพร้อมต่อภาษีรถยนต์ 

แสดงบางครั้งการต่อรถยนต์บางท่านก็ไม่รู้หรอกว่าจะต้องทำอย่างไรในการต่อภาษีเมื่อไปถึงขนส่งแล้วถึงจะรู้ว่าเจ้าต้องมาตรวจสภาพรถก่อนเนื่องจากว่ารถยนต์คันนั้นเป็นรถอายุเกิน 7 ปี จะต้องเข้ารับการตรวจสภาพให้ว่ามีความพร้อมในการใช้งานตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ รวมถึงเจ้าของรถยนต์จะได้ทราบว่ารถคันนั้นมีปัญหาอะไรบ้างที่ควรปรับปรุงแก้ไขประจำปี

ข้อบังคับเกี่ยวกับการตรวจสภาพรถยนต์นั่นก็คือรถคันนั้นจะต้องเป็นรถอายุเกิน 7 ปี

ขึ้นไปหลังจากปีที่ 7 และปีต่อๆไปจะต้องมีการตรวจสภาพรถยนต์ทุกปีเป็นประจำก่อนต่อภาษีรถยนต์ทุกครั้ง

ซึ่งการตรวจสภาพรถยนต์ในแต่ละครั้งเจ้ากับคำนวณถึงภาษีรถของแต่ละคัน อีกทั้งยังรวมถึงความคุ้มครองทางประกันภัย ซึ่งจะต้องมีข้อมูลชี้แจงเกี่ยวกับรถยนต์คันนั้นว่ามีสภาพเป็นอย่างไรพร้อมใช้หรือไม่โดยค่าใช้จ่ายในการตรวจสภาพรถยนต์นั้นก็มีอัตราค่าใช้จ่ายดังนี้

  • รถอายุเกิน 7 ปี ที่มีน้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 1,600 กิโลกรัม คันละ 150 บาท
  • รถอายุเกิน 7 ปีที่มีน้ำหนักรถเปล่าเกิน 1,600 กิโลกรัม คันละ 250 บาท

1: เอกสารที่จะต้องเตรียมไปเมื่อตรวจสภาพรถยนต์มีอะไรบ้าง

กรมขนส่งกำหนดถึงเอกสารที่ใช้ในการตรวจสภาพรถยนต์มีเพียงอย่างเดียวนั้นก็คือใบคู่มือการจดทะเบียนรถหรือสมุดเล่มทะเบียนรถซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งสำเนาและตัวจริง

สำหรับผู้ที่ยังผ่อนชำระรถอยู่นั้นจะต้องแนบบัตรประชาชนหรือสำเนาบัตรประชาชนไปพร้อมกันเพื่อแจ้งสิทธิ์ความเป็นเจ้าของของรถยนต์คันนั้น ซึ่งการตรวจสภาพรถยนต์แล้วจึงค่อยมาทำพรบรถเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ภายในระยะเวลา 3 เดือนแต่เพื่อความสะดวกรวดเร็วบางก็สามารถทำควบคู่ไปพร้อมกันได้เลย

2: ไปตรวจสภาพรถยนต์ได้ที่ไหน

สำหรับสถานที่ที่สามารถตรวจสภาพรถเพื่อเตรียมพร้อมในการต่อภาษีรถยนต์ประจำปีมีอยู่ 2 ที่นั่นก็คือ

  • กรมการขนส่งทางบก โดยเจ้าของรถสามารถนำรถไปตรวจสภาพพร้อมยื่นขอต่อภาษีได้ที่กรมขนส่งเลย 
  • ถ้าไม่สะดวกมาที่ขนส่งให้ไปตรวจสภาพรถยนต์ตามอู่ตามศูนย์บริการที่มีเครื่องหมายตรอได้รับการรับรองจากกรมขนส่งว่ามีสิทธิ์การตรวจสภาพรถยนต์เพื่อต่อภาษีประจำปีก็จะสามารถนำใบเอกสารที่ได้รับจากศูนย์บริการแต่ละที่มาต่อภาษีประจำปีและยื่นทำพ.ร.บได้
  • แต่มีเงื่อนไขตรงที่ท่ารถยนต์คันไหนมีการขาดการต่อภาษี 1 ปี ขึ้นไปจะต้องนำรถยนต์คันดังกล่าว มาตรวจสภาพที่กรมขนส่งการขนส่งด้วยตนเองก่อนที่จะเข้ารับการต่อภาษีประจำปี และในกรณีของมีการทำสีรถใหม่ รวมถึงหมายเลขตัวถังรถเลือนลางจะต้องเข้ารับการตรวจสภาพที่กรมการขนส่ง ก่อนตอนก่อนต่อภาษีเพื่อการเพื่อเป็นการยืนยันว่าเป็นเจ้าของรถและเป็นรถคันที่ต้องการต่อทะเบียน

3: ตรอ. คืออะไร จำเป็นต่อการตรวจสภาพรถยนต์ด้วยหรือ

ตรอ. ย่อมาจากศูนย์ตรวจสภาพรถยนต์เอกชน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการต่อภาษีรถยนต์ กับศูนย์ตรวจสภาพรถยนต์เอกชนที่ได้รับการรับรองจากกรมขนส่งทางบก ซึ่งสามารถเข้าตรวจสภาพรถยนต์ที่นี่ แทนที่จะไปกรมขนส่งเพื่อลดทอนคิวผู้ให้บริการทีมีมาก จึงถือว่าเป็นหนึ่งทางเลือกที่ให้ความสะดวกรวดเร็วของการเข้าตรวจสภาพรถยนต์จากศูนย์ตรอ. ที่ดำเนินการโดยเอกชนโดยมีอัตราการจ่ายเงินเพิ่มเป็นค่าบริการประมาณ 200-300 บาทต่อคัน ซึ่งถือว่าเป็นการประหยัดเวลาในการเข้าตรวจสภาพรถยนต์พร้อมต่อภาษีรถยนต์ภายในจุดเดียวกันโดยไม่จำเป็นจะต้องไปติดต่อที่ขนส่งด้วยตนเอง

รถอายุกี่ปี ต้องตรวจสภาพ

4: รถอายุกี่ปี ต้องตรวจสภาพมาดูกันว่าจะต้องตรวจอะไรบ้าง

สิ่งที่คนขับรถทุกคนควรจะรู้นั่นก็คือ การเข้ารับการตรวจสภาพรถยนต์เพื่อต่อภาษีประจำปีและรายละเอียดว่า ในการตรวจสภาพรถยนต์นั้นจะต้องตรวจที่จุดไหนกันบ้างของรรถซึ่งเป็นหนึ่งขั้นตอน ที่ไม่ควรพลาดก่อนการทำพ.ร.บรถยนต์ก็ต้องมาดูว่าความพร้อมของรถนั้น มีสภาพสมบูรณ์เพียงใด ทั้งถ้าพบว่ามี06fwsiที่เป็นจุดบกพร่องก็จะซ่อมแซมก่อนใช้งานและก่อนเข้ารับการต่อภาษีรถยนต์ประจำปีซึ่งจุดที่ตรวจสอบสภาพรถยนต์เพื่อทำการต่อภาษีและพ.ร.บมีดังนี้

  • ตรวจสอบข้อมูลรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นลักษณะรถยนต์หมายเลขทะเบียนรถแผ่นป้ายทะเบียนและตัวเลขถังรถว่ามีความถูกต้องต่อเล่มกับเล่มทะเบียนหรือไม่
  • ตรวจสอบสภาพรถว่าสภาพรถตัวถังเป็นอย่างไรมีสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่อุปกรณ์ความปลอดภัยนั้นอยู่ในสภาพที่ดีหรือไม่ รวมถึงระบบพวงมาลัยสามารถหมุนซ้ายหมุนขวาได้ลึกคล่องแคล่วหรือไม่ระบบไฟเลี้ยวก้านปัดน้ำฝนสภาพการใช้งานทั่วไป
  • ตรวจสอบระบบบังคับเลี้ยวและระบบเบรคว่ามียังสามารถใช้งานได้ดีและมีความเที่ยงตรงอยู่ในระยะกำหนดที่กรมทางขนส่งกำหนด
  • ตรวจสอบความเข้มของไฟส่องหน้าและจุดตกกระทบของไฟว่ามีมุมองศาเบี่ยงซ้ายเบี่ยงขวาขึ้นบนเป็นอย่างไรต้องถึงตรวจเข้มความสว่างของไฟว่ามีความสว่างเพียงพอต่อการให้สัญญาณไฟเหลี่ยมค่ำคืนหรือไม่
  • ตรวจสอบระบบไอเสียว่ามีค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) และก๊าซไฮโดรคาร์บอน (HC)นั่นก็คือถ้ารถคันไหนมีการปล่อยควันขาวออกมานั่นแสดงหมายความว่าระบบการเผาไหม้ของเครื่องยนต์มีปัญหา 
  • ตรวจควันดำสำหรับรถเครื่องยนต์ดีเซล
  • ตรวจค่าระดับความดังของเครื่องยนต์จะต้องมีไม่เกิน 100 เดซิเบล
  • หากเป็นรถที่มีการติดตั้งเชื้อเพลิงด้วยแก๊สจะต้องมีการตรวจสอบระบบข้อต่อระบบส่งแก๊ส และระบบเผาไหม้ว่ามีความสมบูรณ์หรือไม่และถังแก๊สจะต้องมีอายุไม่เกิน 10 ปี

สรุปตรอ. คืออะไร ทำไมต้องทำ 

ถ้าจะกล่าวถึงความหมายของตรอโดยตรงนั่นก็คือ การตรวจสภาพรถก่อนจะเข้ารับการต่อภาษีแต่จะพูดถึงสถานที่นั่นก็คือ ศูนย์การตรวจสภาพรถเอกชนที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งเพื่อตรวจสภาพรถให้อยู่ในความพร้อมก่อนที่จะต่อภาษีและทางพ.ร.บและข้อมูลดังกล่าวข้างต้นที่พูดมาก็เป็นสิ่งที่เจ้าของรถทุกท่านควรรู้ที่จำเป็นเกี่ยวกับการต่อภาษีรถยนต์

 และนี่ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสภาพรถเบื้องต้นที่ผู้ขับรถทุกคนจะต้องรู้เกี่ยวกับการต่อภาษีและทำพรบซึ่งการต่อภาษีรถยนต์และทำพรบนั้นจะได้รับความคุ้มครองผู้ประสบภัยในการขับขี่ด้วย แต่อย่างไรก็ตามก็ควรขับขี่ด้วยความระมัดระวังเพราะอุบัติเหตุก็เกิดได้ทุกเมื่อดังนั้นควรประพฤติตามกฎจราจรและมีน้ำใจเอื้อเฟื้อในการขับรถยนต์

อ่านบทความอื่น ๆ >> BMW XM รถยนต์ SUV พันธุ์ดุ คันใหญ่ ผสานสองขุมพลัง

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023