สินค้า simulator

กิจกรรม

การแข่งขัน

แนะนำอุปกรณ์

ทดลองอุปกรณ์

แนะนำ 5 อันดับอีโคคาร์เริ่มต้นที่ 400,000 บาท 2021

               รถยนต์อีโคคาร์ (ECO CAR) มาจากคำว่า ECOLOGY CAR ซึ่งหมายถึงรถยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แน่นอนว่ามันเป็นรถที่ประหยัดพลังงาน โดยมีการปล่อยมลพิษออกมาน้อยกว่ารถยนต์ประเภทอื่น มาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่ประหยัดพลังงาน ซึ่งได้มีการนำพลังงานไฟฟ้ามาใช่ร่วมกับเครื่องยนต์ด้วย และก่อนที่จะเป็นอีโคคาร์ให้คนได้ขับนั้นจะต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานหลาย ๆ อย่างก่อน และในประเทศไทยของเรามีข้อกำหนดเกี่ยวกับรถยนต์อีโคคาร์ว่าถ้ารถยนต์รุ่นใดที่ผ่านมาตรฐานทั้งหมดแล้ว จะมีการลดภาษีสรรพสามิตรให้ด้วย ด้วยเหตุนี้เองทำให้รถยนต์ประเภทนี้มีราคาที่ประหยัดกว่ารถประเภทอื่น ๆ เพราะฉะนั้นเราจะมาแนะนำ 5 อันดับอีโคคาร์ ที่มีราคาเริ่มต้นที่ 400,000 บาท ในปี 2021 จะมีรถแบรนด์ไหน รุ่นใดบ้างนั้น ไปดูกันเลย

แนะนำ 5 อันดับอีโคคาร์เริ่มต้นที่ 400,000 บาท

1.SUZUKI CELERIO

               ค่ายรถสัญชาติญี่ปุ่นที่โด่งดังไปทั่วโลก ก็ได้ส่ง SUZUKI CELERIO ซึ่งเปิดตัวในไทยในงาน AUTO EXPO รถยนต์ขนาดเล็กคอมแพ็คคาร์ให้เราได้สัมผัส ด้วยความที่ขนาดรถคอมแพ็คคาร์ ทำให้อัตราการประหยัดพลังงานนั้นดีไปด้วย โดยรถรุ่นนี้สามารถประหยัดน้ำมันได้ถึง 20 กิโลเมตร/ลิตรเลยทีเดียว และถึงแม้ว่าจะเป็นรถยนต์ที่มีขนาดเล็ก แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะที่ดีเยี่ยม พร้อมออกเดินทางได้อย่างมั่นใจ

                SUZUKI CELERIO ได้ออกแบบภายใต้แนวคิดเน้นความพึงพอใจในการใช้งาน และ ความพึงพอใจในการขับขี่ ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ ออกแบบให้มีขนาดห้องโดยสารที่กว้างขวาง และทำออกมาให้มีพื้นที่ว่างบริเวณเหนือศีรษะและพื้นที่วางขา มาพร้อมกับพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ มาในส่วนของขุมพลังนั้นจะใช้เครื่องยนต์ K10B ขนาด 1.0 ลิตรใหม่ มีกำลังน้อยที่สุดเพียง 68 แรงม้าเท่านั้น ซึ่งออกแบบมาอย่างพิเศษ ให้มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น โดยมีสมรรถนะการขับที่ดีเช่นเดียวกับ SUZUKI SWIFT ซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกและภายในห้องโดยสารนั้นที่ถูกดีไซน์ออกมาให้ดูโดดเด่น มาพร้อมกับระบบและอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยที่เป็นมาตรฐาน อีกทั้งยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอีกด้วย ตัวรถนั้นมีขนาดความยาว 3,600 มิลลิเมตร มีความกว้างเพียง 1,600 มิลลิเมตร มีราคาเริ่มต้นที่ 328,000 บาท ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีราคาไม่ถึง 400,000 แต่ถือว่าเป็นรถยนต์อีโคคาร์ที่มีราคาถูกที่สุด เราจึงยกรถรุ่นนี้มาแนะนำกับทุกคน

2.NISSAN MARCH MINORCHANGE

                เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ NISSAN MARCH MINORCHANGE 2021 รถยนต์อีโคคาร์ขนาดเล็กสุดฮิต มาพร้อมกับรูปร่างหน้าตาที่โฉบเฉี่ยวมากกว่าเดิม โดยเฉพาะส่วนของกระจังหน้าที่มาในสไตล์ V MOTION คล้ายกับรถยนต์รุ่นพี่ในค่ายอย่าง NISSAN ALMERA โดยมีการเปลี่ยนโคมไฟหน้าใหม่ เพื่อให้ดูมีความโฉบเฉี่ยวมากขึ้น และเปลี่ยนลายล้อแม็กซ์แบบใหม่ แต่ตัวถังยังเป็นแบบเดิมเหมือน NISSAN MARCH GENERATION 4 ที่ขายอยู่ในปัจจุบัน ส่วนโคมไฟด้านท้ายก็ยังคงเหมือนเดิม แต่ได้มีการเปลี่ยนรายละเอียดเล็กน้อยภายในโคมไฟ และเปลี่ยนชายกันชนเป็นแบบใหม่ โดยมีการเล่นลวดลายตัดกับสีดำบนหลังคาทำให้ดูสวยงามและสปอร์ตมากยิ่งขึ้น และในส่วนของภายในรถนั้นได้ถูกตกแต่งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัย เป็นสไตล์แบบรถนิสสันสมัยใหม่ทรง D SHAPE มีการเปลี่ยนหน้าจอสัมผัส     TOUCH SKIN ตรงกลางขนาดใหญ่แบบใหม่ ขนาด 6.5 นิ้ว รองรับระบบ APPLE CAR PLAY ANDROID AUTO มีกล้องถอยหลัง มาพร้อมกับระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และได้มีการเน้นโทนสีดำ ทำให้ดูมีความดุดันมากขึ้น ในด้านระบบความปลอดภัยนั้นจะมาพร้อมกับระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบเสริมแรงเบรก BA ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน มีจุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX และรถรุ่นนี้ยังให้ถุงลมนิรภัยทั้งหมด 6 ตำแหน่งเลยทีเดียว และมาในส่วนขุมพลังของเครื่องยนต์รถรุ่นนี้ โดยมีเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร ให้กำลังแรงม้าสูงสุดถึง 106 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 142 นิวตัน-เมตร ซึ่งมีทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดา 5 SPEED และรุ่นอัตโนมัติ 4 SPEED มาให้เลือก สำหรับ NISSAN MARCH MINORCHANGE รุ่นนี้มีราคารวมภาษีเริ่มต้นที่ 420,000 บาท

3.MITSUBISHI MIRAGE

               เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ MISUBISHI MIRAGE มาพร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่ ซึ่งได้เน้นให้มีความทันสมัยมากขึ้น การดีไซน์ออกมาอย่างสวยงามลงตัว โดยมีการอัปเกรดออพชั่นใหม่ ทั้งภายนอก และภายในห้องโดยสาร ซึ่งได้ออกแบบมาพร้อมกับภายใต้มาตรฐานของรถยนต์อีโคคาร์ยุคใหม่ เพื่อรองรับกับการใช้งานได้อย่างหลากหลายรูปแบบ และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของวิถีชีวิตคนเมืองมากยิ่งขึ้น MITSUBISHI MIRAGE ในรุ่นท็อป GLS – LTD ได้มีการดีไซน์รูปลักษณ์ภายนอกใหม่ในหลาย ๆ จุด โดยด้านหน้านั้นจะดูน่าสนใจขึ้น ด้วยการดีไซน์แบบ ADVANCE DYNAMIC SHIELD ตรงบริเวณฝากระโปรงหน้า ส่วนของกระจังหน้านั้นได้ถูกดีไซน์ใหม่ ซึ่งจะตกแต่งด้วยสีดำเงาตัดกัลเส้นสีแดง และมีการปรับกันชนหน้าให้เป็นทรงใหม่และเน้นให้มีความรู้สึกความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น โดยแต่งด้วยแถบโครเมี่ยม พร้อมกับดีไซน์ชุดไฟตัดหมอกใหม่ มาในส่วนของชุดไฟหน้าก็จะเป็นแบบ BI-LED DAYTIME RUNNING LIGHT LED ให้ความสว่างในขณะขับช่วงกลางคืนชัดเจนมากขึ้น และได้เปลี่ยนชุดไฟท้ายใหม่ให้เป็นแบบ LED ที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ส่วนบริเวณชายหลังคาด้านท้ายนั้นจะมาพร้อมกับสปอยเลอร์ดีไซน์สปอร์ต ทำให้ตัวถังขนาดเล็กมีความสมดุลมากขึ้น นอกจากนี้ก็ได้เปลี่ยนล้อ ALLOY ลายใหม่ ขนาด 15 นิ้ว สีทูโทน ในส่วนของเครื่องยนต์นั้นก็ยังคงมาพร้อมกับความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 3 สูบ MIVEC ขนาด 1.2 ลิตร DOHC 12 วาล์ว โดยมีวาล์วแปรผันทางฝั่งไอดี ให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 78 แรงม้า ที่ 6000 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร ที่ 4000 รอบ/นาที ซึ่งสามารถรองรับน้ำมันได้ถึง E20 ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT ให้การตอบสนองอย่างต่อเนื่อง มีระบบ IDLE NEUTRAL CONTROL ซึ่งจะตัดระบบส่งกำลังไปยังเพลาขับอัตโนมัตขณะที่รถยนต์หยุดนิ่ง เป็นรถที่ประหยัดเชื้อเพลิง และยังมีระบบ G-SENSOR ที่จะช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์บนทางลาดชันมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยราคาเริ่มต้นของรถรุ่นนี้อยู่ที่ 474,000 บาท

 4.MITSUBISHI ATTRAGE

               รถรุ่นนี้ได้ออกแบบกระจังหน้าทรงสปอร์ต และคาดด้วยเส้นสีแดง 2 เส้น ทำให้มีความลงตัวกับโคมไฟหน้าที่ดีไซน์ใหม่ และไฟหน้าเป็นแบบ PROJECTOR ดีไซน์เลนส์ใหม่เป็นแบบ BI-LED และไฟตัดหมอกที่เป็นทรงกลมซ่อนในกรอบชิ้นสี่เหลี่ยม ทำให้ดูมีความกลมกลืนกับชุดออกแบบด้านหน้า และกันชนหน้าก็ได้ออกแบบมาใหม่เช่นกัน ในส่วนด้านท้ายรถนั้นได้ดีไซน์ใหม่ให้มีความโดดเด่นมากขึ้น และมาพร้อมกับ LED LIGHT GUIDING สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 ปลายท่อไอเสียนั้นจะดีไซน์แบบโครเมียม เป็นล้อ ALLOY ขนาด 15 นิ้ว และในส่วนของห้องโดยสารนั้นจะไม่มีอะไรเปลี่ยนมากนัก แต่มีจุดที่เปลี่ยนไปก็คือปรับให้หน้าจอเครื่องเสียงมีระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้วตัวใหม่ โดยมาตรวัดการขับขี่จะเป็นแบบ SEMI HIGH CONTRAST มีหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ ที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน และยังมีระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติด้วย มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลดิจิตอล มีพวงมาลัยแบบ 3 ก้านหุ้มด้วยหนัง โดยพวงมาลัยสามารถปรับได้ 2 ทิศทางด้วย มีสวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงและสวิตซ์รับสาย-โทรออกบนพวงมาลัยอีกด้วย ในเรื่องของขุมพลังนั้นจะใช้เป็นเครื่องยนต์ 3 สูบ 12 วาล์ว มีขนาด 1,193 CC มาพร้อมเทคโนโลยีไมเวค โดยให้กำลังสูงสุด 78 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังเป็นหน้าที่ของเกียร์อัตโนมัติ CVT INVECS 3 ที่รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดที่ E20 รถรุ่นนี้มีราคาเริ่มต้นที่ 494,000 บาท

5.HONDA BRIO

               HONDA BRIO รถยนต์อีโคคาร์สไตล์ HATCHBACK และทุกรุ่นที่จำหน่ายในไทยปัจจุบันนี้ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว SOHC ลิตร CVT การดีไซน์กระจังหน้าแบบโครเมียม มีไฟเตือนสถานะของเครื่องยนต์ ในส่วนของไฟหน้านั้นจะเป็น MULTI-REFLECTOR กระจกมองข้างปรับด้วยไฟฟ้า ส่วนภายนอกของตัวรถจะตกแต่งด้วยโครเมียมเช่นกัน และมีไฟเตือนระดับของน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำ มาพร้อมกับระบบปัดน้ำฝนด้านหลัง ในส่วนของการออกแบบภายในจะใช้เป็นกระจกกรองแสง

 มีช่องเชื่อมต่อ USB และ/หรือ AUX และรูปแบบการปรับพวงมาลัยจะเป็นแบบ TILT ส่วนระบบเครื่องเสียงนั้นจะเป็นแบบ 2DIN โดยมีสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และอื่น ๆ อีก ในส่วนของราคานั้นจะมีราคาเริ่ม